ความคืบหน้าของเหตุการณ์เรืออรพิน 4 ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติไทย ถูกโจรสลัดบุกขึ้นเรือ และได้ปล้นเอาน้ำมันดีเซลกว่า 3 ล้านลิตร พร้อมทั้งทรัพย์สินของลูกเรือไป ก่อนที่จะปล่อยตัวลูกเรือ และเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ล่าสุด นายทิวา สามัญ กัปตันเรืออรพิน 4 เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจภูธรแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
ด้าน พ.ต.ท.สุเมธ หาญวิสัย พนักงานสอบสวน ตำรวจภูธรแหลมฉบัง กล่าวว่า ได้ทำการสอบปากคำลูกเรือไปแล้ว 6 คน เบื้องต้นทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และไม่พบพิรุธต้องสงสัยแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านี้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีลูกเรือมีส่วนรู้เห็นกับการปล้นในครั้งนี้ ส่วนการดำเนินคดีต่อไปนั้น ทางตำรวจจะทำการรวบรวมหลักฐาน ก่อนส่งต่อให้กระทรวงต่างประเทศ ประสานงานต่อไป เนื่องจากเหตุเกิดในน่านน้ำสากล
ส่วนเรืออรพิน 4 ขณะนี้ ยังคงจอดทอดสมออยู่ภายในอ่าวศรีราชา ซึ่งกรมเจ้าท่าเจ้าท่าได้ให้เรือลำดังกล่าวจอดทอดสมอจุดเดิม และห้ามเคลื่อนย้ายเรือ เนื่องจากอุปกรณ์เดินเรือ และอุปกรณ์การสื่อสารบนเรือถูกทำลาย ดังนั้นจะต้องทำการซ่อมแซมใหม่ทั้งหมดก่อนจะนำเรือไปใช้งานได้
สำหรับการตรวจสอบ และอนุญาตให้ใช้เรือได้นั้น กรมเจ้าท่าจะอนุญาตให้ทำการเดินเรือได้ต่อเมื่อการตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ต่างๆ เสร็จสมบูรณ์
ส่วนการดำเนินคดีทางกฎหมายนั้น บริษัทเจ้าของเรือได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง เพื่อเป็นหลักฐาน หลักจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของบริษัทประกันที่บริษัทเรือทำไว้ จะตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของบริษัทประกัน และบริษัทเรือจะดำเนินการต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.สุเมธ หาญวิสัย พนักงานสอบสวน ตำรวจภูธรแหลมฉบัง กล่าวว่า ได้ทำการสอบปากคำลูกเรือไปแล้ว 6 คน เบื้องต้นทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และไม่พบพิรุธต้องสงสัยแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านี้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีลูกเรือมีส่วนรู้เห็นกับการปล้นในครั้งนี้ ส่วนการดำเนินคดีต่อไปนั้น ทางตำรวจจะทำการรวบรวมหลักฐาน ก่อนส่งต่อให้กระทรวงต่างประเทศ ประสานงานต่อไป เนื่องจากเหตุเกิดในน่านน้ำสากล
ส่วนเรืออรพิน 4 ขณะนี้ ยังคงจอดทอดสมออยู่ภายในอ่าวศรีราชา ซึ่งกรมเจ้าท่าเจ้าท่าได้ให้เรือลำดังกล่าวจอดทอดสมอจุดเดิม และห้ามเคลื่อนย้ายเรือ เนื่องจากอุปกรณ์เดินเรือ และอุปกรณ์การสื่อสารบนเรือถูกทำลาย ดังนั้นจะต้องทำการซ่อมแซมใหม่ทั้งหมดก่อนจะนำเรือไปใช้งานได้
สำหรับการตรวจสอบ และอนุญาตให้ใช้เรือได้นั้น กรมเจ้าท่าจะอนุญาตให้ทำการเดินเรือได้ต่อเมื่อการตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ต่างๆ เสร็จสมบูรณ์
ส่วนการดำเนินคดีทางกฎหมายนั้น บริษัทเจ้าของเรือได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง เพื่อเป็นหลักฐาน หลักจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของบริษัทประกันที่บริษัทเรือทำไว้ จะตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของบริษัทประกัน และบริษัทเรือจะดำเนินการต่อไป