สถานการณ์การเมืองไทยที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือนนั้น ภาคเอกชนบางราย ประเมินว่า มีแนวโน้มเกิดความรุนแรงและสูญเสียมากขึ้น แม้จะมีความพยายามในการหาทางออกจากหลายฝ่าย แต่ยังไม่เห็นผล เนื่องจากคู่ขัดแย้งต่างยืนยันในจุดยืนของตัวเอง ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ จะนำไปสู่ทางตันในไม่ช้า ส่วนข้อเสนอให้มีคนกลาง หรือนายกรัฐมนตรีคนกลางนั้น อาจทำได้ยาก โดยเห็นว่าทางออกจากปัญหานี้ทุกฝ่ายต้องยึดประโยชน์ประเทศเป็นหลัก
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจมหภาค สภาที่ปรึกษากิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ข้อเสนอนายกรัฐมนตรีคนกลาง เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะความต้องการของคู่ขัดแย้งแตกต่างกัน โดยกลุ่ม กปปส.เสนอให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลาง ขณะที่อีกฝ่ายเสนอให้มีการเลือกตั้ง
ส่วนทางออกขณะนี้ ควรนำคู่ขัดแย้งโดยตรงมาเจรจา เพื่อหาข้อยุติโดยเร็ว และเฉลี่ยอำนาจให้ทุกฝ่ายมีที่ยืนทางการเมือง ขณะที่การใช้อำนาจนิติรัฐแก้ปัญหานั้น อาจไม่เพียงพอ เพราะต่างฝ่ายต่างตีความกฎหมายในสิ่งที่ตนเองได้ประโยชน์ และเห็นว่า ประเทศจำเป็นต้องมีการเลือกตั้ง เพื่อให้มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหาร และเดินหน้าปฎิรูป ที่อาจกำหนดเวลา 1 ปี ก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่ เพราะขณะนี้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจหยุดชะงัก และมีแนวโน้มซึมยาวถึงสิ้นปี
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจมหภาค สภาที่ปรึกษากิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ข้อเสนอนายกรัฐมนตรีคนกลาง เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะความต้องการของคู่ขัดแย้งแตกต่างกัน โดยกลุ่ม กปปส.เสนอให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลาง ขณะที่อีกฝ่ายเสนอให้มีการเลือกตั้ง
ส่วนทางออกขณะนี้ ควรนำคู่ขัดแย้งโดยตรงมาเจรจา เพื่อหาข้อยุติโดยเร็ว และเฉลี่ยอำนาจให้ทุกฝ่ายมีที่ยืนทางการเมือง ขณะที่การใช้อำนาจนิติรัฐแก้ปัญหานั้น อาจไม่เพียงพอ เพราะต่างฝ่ายต่างตีความกฎหมายในสิ่งที่ตนเองได้ประโยชน์ และเห็นว่า ประเทศจำเป็นต้องมีการเลือกตั้ง เพื่อให้มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหาร และเดินหน้าปฎิรูป ที่อาจกำหนดเวลา 1 ปี ก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่ เพราะขณะนี้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจหยุดชะงัก และมีแนวโน้มซึมยาวถึงสิ้นปี