อเมริกันกับนาโต้ยืนยันทหารหมีขาวยังไม่ได้ออกจากชายแดนติดกับยูเครน ถึงแม้มอสโกแถลงย้ำว่าถอนทัพแล้วก็ตาม
ในวันพุธ หลังจากหารือกับ ดิดิเยร์ เบอร์คัลเตอร์ ประธานาธิบดีของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประธานขององค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศว่า รัสเซียได้ถอนกำลังทหารที่ประมาณกันว่ามีจำนวนราว 40,000 คน ออกจากแนวชายแดนติดต่อกับยูเครนแล้ว
ทว่า วอชิงตันและ พล.อ. อันเดอร์ส โฟกห์ ราสมุสเซน เลขาธิการนาโต้ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ยังไม่เห็น “เครื่องบ่งชี้ใดๆ เลย” ว่าแดนหมีขาวกระทำเช่นนั้นแล้วจริงๆ
ในวันพฤหัสบดี ความตึงเครียดในสไตล์สงครามเย็นยังก่อตัวทวีขึ้น เมื่อรัสเซียทดสอบยิงขีปนาวุธหลายลูก ถึงแม้จะมีการระบุว่าเป็นสิ่งที่วางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีกลาโหมหมีขาวย้ำว่า หน่วยรบนิวเคลียร์ยังคงอยู่ในสถานะเตรียมพร้อม
อีกด้านหนึ่ง เกี่ยวกับข้อเสนอของปูติน ที่ตั้งเงื่อนไขว่า พร้อมๆ กับการชะลอการทำประชามติ รัฐบาลกรุงเคียฟก็จะต้องยุติการปฏิบัติการทางทหารกลุ่มกบฎ
ปรากฏว่าเงื่อนไขนี้ถูกปฏิเสธทันควันจาก แอนดรีย์ ปารูบีย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงและกลาโหมแห่งชาติของยูเครน ที่ให้สัมภาษณ์ว่า จะเดินหน้าปฏิบัติการปราบปรามการก่อการร้ายต่อไป ไม่ว่ากลุ่มก่อการร้ายจะตัดสินใจอย่างไร
ด้านนายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค ก็ใช้โอกาสการกล่าวปราศรัยในพิธีรำลึกชัยชนะของสหภาพโซเวียตที่มีต่อนาซีเยอรมันว่า ยูเครนกำลังเผชิญสงครามที่ไม่มีการประกาศศึก
ยัตเซนยุคยังวิจารณ์ว่า การที่ปูตินเรียกร้องให้กลุ่มกบฏชะลอการลงประชามติออกไปนั้น เนื่องจากรู้ว่า เป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบธรรม ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงโจมตีปูตินว่า ไม่ได้มีเจตนาดีแต่อย่างใด รวมทั้งระบุว่า แม้รัฐบาลต้องการเจรจาปรองดองเต็มรูปแบบ แต่การเจรจากับผู้ก่อการร้ายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้
ในกรุงเคียฟนั้น ยังคงมีการแสดงความวิตกว่า ยูเครนอาจจะเกิดความรุนแรงระลอกใหม่ปะทุขึ้นมาอีกในวันศุกร์ (9) นี้ ซึ่งเป็นวันที่ทั้งยูเครนและรัสเซีย ต่างจัดการเฉลิมฉลองชัยชนะของสหภาพโซเวียตในสงครามโลกครั้งที่2
ในวันพุธ หลังจากหารือกับ ดิดิเยร์ เบอร์คัลเตอร์ ประธานาธิบดีของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประธานขององค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศว่า รัสเซียได้ถอนกำลังทหารที่ประมาณกันว่ามีจำนวนราว 40,000 คน ออกจากแนวชายแดนติดต่อกับยูเครนแล้ว
ทว่า วอชิงตันและ พล.อ. อันเดอร์ส โฟกห์ ราสมุสเซน เลขาธิการนาโต้ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ยังไม่เห็น “เครื่องบ่งชี้ใดๆ เลย” ว่าแดนหมีขาวกระทำเช่นนั้นแล้วจริงๆ
ในวันพฤหัสบดี ความตึงเครียดในสไตล์สงครามเย็นยังก่อตัวทวีขึ้น เมื่อรัสเซียทดสอบยิงขีปนาวุธหลายลูก ถึงแม้จะมีการระบุว่าเป็นสิ่งที่วางแผนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีกลาโหมหมีขาวย้ำว่า หน่วยรบนิวเคลียร์ยังคงอยู่ในสถานะเตรียมพร้อม
อีกด้านหนึ่ง เกี่ยวกับข้อเสนอของปูติน ที่ตั้งเงื่อนไขว่า พร้อมๆ กับการชะลอการทำประชามติ รัฐบาลกรุงเคียฟก็จะต้องยุติการปฏิบัติการทางทหารกลุ่มกบฎ
ปรากฏว่าเงื่อนไขนี้ถูกปฏิเสธทันควันจาก แอนดรีย์ ปารูบีย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงและกลาโหมแห่งชาติของยูเครน ที่ให้สัมภาษณ์ว่า จะเดินหน้าปฏิบัติการปราบปรามการก่อการร้ายต่อไป ไม่ว่ากลุ่มก่อการร้ายจะตัดสินใจอย่างไร
ด้านนายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค ก็ใช้โอกาสการกล่าวปราศรัยในพิธีรำลึกชัยชนะของสหภาพโซเวียตที่มีต่อนาซีเยอรมันว่า ยูเครนกำลังเผชิญสงครามที่ไม่มีการประกาศศึก
ยัตเซนยุคยังวิจารณ์ว่า การที่ปูตินเรียกร้องให้กลุ่มกบฏชะลอการลงประชามติออกไปนั้น เนื่องจากรู้ว่า เป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบธรรม ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงโจมตีปูตินว่า ไม่ได้มีเจตนาดีแต่อย่างใด รวมทั้งระบุว่า แม้รัฐบาลต้องการเจรจาปรองดองเต็มรูปแบบ แต่การเจรจากับผู้ก่อการร้ายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้
ในกรุงเคียฟนั้น ยังคงมีการแสดงความวิตกว่า ยูเครนอาจจะเกิดความรุนแรงระลอกใหม่ปะทุขึ้นมาอีกในวันศุกร์ (9) นี้ ซึ่งเป็นวันที่ทั้งยูเครนและรัสเซีย ต่างจัดการเฉลิมฉลองชัยชนะของสหภาพโซเวียตในสงครามโลกครั้งที่2