นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังมีประชาชนมีความประสงค์ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ยังต้องมีการจองคิวในการเข้าทดสอบขอรับใบอนุญาตขับรถ ที่สำนักงานพื้นที่ต่างๆ ของกรมฯ ทั้งนี้ ตนมีแนวคิดในการลดขั้นตอนการดำเนินการในกรมฯ ลง โดยสั่งการให้ขนส่งจังหวัดทุกจังหวัดไปจัดหาสถาบันการศึกษาของรัฐมาช่วยในการอบรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ เรื่องการขับรถและข้อกฎหมายต่างๆ ให้กับผู้ที่ต้องการสอบใบขับขี่ ซึ่งประชาชนจะมีความสะดวกยิ่งขึ้น คือสามารถเลือกเวลาเข้ารับการอบรมได้โดยสะดวก แล้วค่อยนำผลรับรองการอบรมมายื่นขอทดสอบใบขับขี่ที่กรมฯ หากทำการทดสอบผ่านจะได้รับใบอนุญาตทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาอบรมอีก 4 ชั่วโมง
ทั้งนี้ มีนโยบายให้ขนส่งจังหวัดต้องหาสถาบันการศึกษามาร่วมทำงานตรงนี้ให้มีอย่างน้อยจังหวัดละ 1 สถาบันการศึกษา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกสถาบันการศึกษาที่จะมาร่วมโครงการ ซึ่งจะต้องจัดเจ้าหน้าเข้าตรวจความพร้อม ศักยภาพการเข้าร่วมงาน รวมถึงจะต้องสามารถปฏิบัติตามระเบียบของกรมฯ ได้
นายอัฌษไธค์ กล่าวว่า แม้จะมีผู้ต้องการสอบขอรับใบอนุญาตขับรถเป็นจำนวนมาก แต่กรมฯ ยังคงรักษามาตรฐานการทดสอบให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มจำนวนข้อสอบข้อเขียนให้มีความเข้มข้นขึ้น จากเดิมรวบรวมไว้ 300 ข้อ และเลือกมาให้ตอบ 35 ข้อ จะเพิ่มเป็นรวบรวมข้อสอบไว้ 1,000 ข้อ และเลือกมาให้ตอบ 50 ข้อ พร้อมทั้งเพิ่มเกณฑ์การวัดผลจากผลคะแนน 75% ให้สอบผ่าน เพิ่มเป็นต้องมีผลคะแนนถึง 90% จึงจะสอบผ่าน โดยจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไป เชื่อว่าการปรับเปลี่ยนดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ที่สอบใบขับขี่ผ่าน เป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในการขับรถที่ดีขึ้น ช่วยลดปัญหาการจราจรและลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยในอนาคตอาจปรับเพิ่มชั่วโมงการอบรมขึ้นอีก ซึ่งมาตรฐานขององค์การสหประชาชาติกำหนดไว้ที่ 12 ชั่วโมง
ทั้งนี้ มีนโยบายให้ขนส่งจังหวัดต้องหาสถาบันการศึกษามาร่วมทำงานตรงนี้ให้มีอย่างน้อยจังหวัดละ 1 สถาบันการศึกษา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกสถาบันการศึกษาที่จะมาร่วมโครงการ ซึ่งจะต้องจัดเจ้าหน้าเข้าตรวจความพร้อม ศักยภาพการเข้าร่วมงาน รวมถึงจะต้องสามารถปฏิบัติตามระเบียบของกรมฯ ได้
นายอัฌษไธค์ กล่าวว่า แม้จะมีผู้ต้องการสอบขอรับใบอนุญาตขับรถเป็นจำนวนมาก แต่กรมฯ ยังคงรักษามาตรฐานการทดสอบให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มจำนวนข้อสอบข้อเขียนให้มีความเข้มข้นขึ้น จากเดิมรวบรวมไว้ 300 ข้อ และเลือกมาให้ตอบ 35 ข้อ จะเพิ่มเป็นรวบรวมข้อสอบไว้ 1,000 ข้อ และเลือกมาให้ตอบ 50 ข้อ พร้อมทั้งเพิ่มเกณฑ์การวัดผลจากผลคะแนน 75% ให้สอบผ่าน เพิ่มเป็นต้องมีผลคะแนนถึง 90% จึงจะสอบผ่าน โดยจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2557 เป็นต้นไป เชื่อว่าการปรับเปลี่ยนดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ที่สอบใบขับขี่ผ่าน เป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในการขับรถที่ดีขึ้น ช่วยลดปัญหาการจราจรและลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยในอนาคตอาจปรับเพิ่มชั่วโมงการอบรมขึ้นอีก ซึ่งมาตรฐานขององค์การสหประชาชาติกำหนดไว้ที่ 12 ชั่วโมง