ชมรมรักษ์เขาไม้แก้ว พร้อมด้วยเครือข่ายชาวบ้าน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ราว 150 คน เดินทางไปศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ พร้อมรายชื่อผู้คัดค้านที่รวบรวมได้ราว 600 คน ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ให้พิจารณาสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการโรงไฟฟ้าชีวมวลตำบลเขาไม้แก้ว ของบริษัทเคเอสมาเก็ตติ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
โดยชาวบ้านเชื่อว่า น่าจะมีการปลอมแปลงเอกสารราชการประกอบการขออนุญาต โดยเฉพาะขั้นตอนเวทีรับฟังความเห็นที่ยังเป็นที่สงสัยในเรื่องที่มาของรายชื่อผู้ร่วมเวที ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านกว่าร้อยละ 70 ยังไม่รับทราบเรื่องนี้ ซึ่งเกรงกันว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวลแห่งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เพราะที่ตั้งโรงไฟฟ้า ตั้งอยู่ติดคลองเขาไม้แก้ว แหล่งน้ำธรรมชาติแหล่งเดียวที่ชาวบ้านใช้อุปโภคบริโภค
ก่อนหน้านี้ชาวบ้านก็เคยคัดค้านโครงการมาตั้งแต่ปี 2553 โดยร้องไปทางจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ จนกระทั่งเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว จึงทราบว่าเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมอ้างว่าทางบริษัทมีใบอนุญาตประกอบการถูกต้อง วันนี้ ชาวบ้านจึงเดินทางมายื่นร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าว
ชาวบ้านขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ระงับการก่อสร้างจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพื่อเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างนี้
โดยชาวบ้านเชื่อว่า น่าจะมีการปลอมแปลงเอกสารราชการประกอบการขออนุญาต โดยเฉพาะขั้นตอนเวทีรับฟังความเห็นที่ยังเป็นที่สงสัยในเรื่องที่มาของรายชื่อผู้ร่วมเวที ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านกว่าร้อยละ 70 ยังไม่รับทราบเรื่องนี้ ซึ่งเกรงกันว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวลแห่งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เพราะที่ตั้งโรงไฟฟ้า ตั้งอยู่ติดคลองเขาไม้แก้ว แหล่งน้ำธรรมชาติแหล่งเดียวที่ชาวบ้านใช้อุปโภคบริโภค
ก่อนหน้านี้ชาวบ้านก็เคยคัดค้านโครงการมาตั้งแต่ปี 2553 โดยร้องไปทางจังหวัด รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ จนกระทั่งเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว จึงทราบว่าเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมอ้างว่าทางบริษัทมีใบอนุญาตประกอบการถูกต้อง วันนี้ ชาวบ้านจึงเดินทางมายื่นร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าว
ชาวบ้านขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ระงับการก่อสร้างจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพื่อเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างนี้