นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ระบุว่า มีมือที่สามแฝงตัวอยู่ในกลุ่ม กปปส. เพื่อก่อเหตุความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่สำนักงานของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และบริเวณใกล้กับศาลปกครองว่า ตนขอเรียกร้องให้ พล.ท.ภราดร และรัฐบาลหยุดใส่ร้ายป้ายสีว่า มีมือที่ 3 แฝงตัวอยู่ในกลุ่ม กปปส. เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่กลับจะสร้างปัญหาให้รัฐบาลมากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลรู้อยู่แก่ใจว่าการชุมนุมที่มีต่อเนื่องมา 6 เดือนนั้น ความรุนแรงไม่ได้เกิดจากมือที่สาม แต่มีมือที่ 1 ซึ่งเป็นมือที่มีอำนาจมากกว่า โดยเห็นได้จากฝ่ายที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรงมักจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล จึงขอเรียกร้องไปยัง พล.ท.ภราดรว่า อย่าโยนบาป หรือใส่ร้ายกลุ่ม กปปส. แต่ถ้ารู้ว่ามีมือที่สาม ก็ขอให้เร่งไปดำเนินการยับยั้ง และหาแนวทางป้องกันเหตุความรุนแรง อย่าปล่อยให้เกิดเหตุซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีการจับกุม
นอกจากนี้ นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่าการที่ พล.ท.ภราดร ระบุว่า การจับกุมผู้ยิงระเบิดเอ็ม 79 ทำได้ยาก เพราะมีการขนอาวุธมาทางแนวชายแดนที่ติดกับประเทศกัมพูชาและเมียนมาร์นั้น ถ้า พล.ท.ภราดร รู้ว่าอาวุธเหล่านั้นมาจากที่ใด ในฐานะเลขาธิการ สมช.น่าจะทำงานแบบบูรณาการ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ต่างๆ ในการป้องกัน และถ้ามีการลักลอบอาวุธเข้ามาจากบริเวณชายแดนจริง อาจจะมีการรับรู้ ยักคิ้วหลิ่วตาของผู้มีอำนาจ มิฉะนั้นอาวุธจะถูกนำเข้ามาได้อย่างไร ตนจึงไม่เชื่อว่าอาวุธจะถูกนำเข้ามาจากชายแดนตามคำกล่าวอ้าง แต่น่าจะอยู่ในประเทศไทย จึงได้มีการยักย้ายถ่ายเทตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาได้
นอกจากนี้ นายองอาจ กล่าวต่อไปว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่าการที่ พล.ท.ภราดร ระบุว่า การจับกุมผู้ยิงระเบิดเอ็ม 79 ทำได้ยาก เพราะมีการขนอาวุธมาทางแนวชายแดนที่ติดกับประเทศกัมพูชาและเมียนมาร์นั้น ถ้า พล.ท.ภราดร รู้ว่าอาวุธเหล่านั้นมาจากที่ใด ในฐานะเลขาธิการ สมช.น่าจะทำงานแบบบูรณาการ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ต่างๆ ในการป้องกัน และถ้ามีการลักลอบอาวุธเข้ามาจากบริเวณชายแดนจริง อาจจะมีการรับรู้ ยักคิ้วหลิ่วตาของผู้มีอำนาจ มิฉะนั้นอาวุธจะถูกนำเข้ามาได้อย่างไร ตนจึงไม่เชื่อว่าอาวุธจะถูกนำเข้ามาจากชายแดนตามคำกล่าวอ้าง แต่น่าจะอยู่ในประเทศไทย จึงได้มีการยักย้ายถ่ายเทตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาได้
