นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูง และอธิบดี 3 กรมจัดเก็บภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมศุลากร และกรมสรรพสามิต หลังจาก 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 57 รัฐบาลมีรายได้ภาษีต่ำกว่าเป้าหมายถึง 38,000 ล้านบาท จากที่ตั้งไว้ 2.275 ล้านล้านบาท หรือลดลงถึงร้อยละ 20 ส่วนหนึ่งมาจากการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ขณะที่กรมสรรพสามิตรายได้ลดลง เพราะไม่สามารถขึ้นภาษีดีเซล จึงมอบหมายทั้ง 3 กรมจัดเก็บ เร่งหาสาเหตุในพื้นที่การจัดเก็บ และหาทางปิดช่องโหว่การเก็บภาษี
นอกจากนี้ ยังมีแผนการที่จะจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศมาศึกษาการปรับโครงสร้างภาษี และหาทางอุดช่องโหว่ โดยเบื้องต้นได้ประสานกับบริษัทที่ปรึกษาหลายราย ไม่ว่าจะเป็นไพรส์วอเตอร์เฮ้าส์ บริษัท แมคเคนซีย์ บริษัท เคพีเอ็นจี เพื่อหาแนวทางเสนอรัฐบาลชุดใหม่
พร้อมยอมรับด้วยว่า ความล่าช้าในการทำงบประมาณปี 58 จะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ ให้ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.6 จากเดิมที่คาดว่าจะโตร้อยละ 4 จึงสั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษาแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่งบประมาณปี 58 ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ส่วนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ชะลอตัว จะเน้นกระตุ้นการบริโภคมากกว่ามาตรการทางภาษี เพราะมีข้อจำกัดมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม จะครบกำหนดสิ้นเดือนกันยายนนี้ ได้สั่งให้ สศค.เร่งเสนอแผนมาพิจารณา แต่ยืนยันว่า จะไม่กลับไปเก็บภาษีอัตราเดิมที่ร้อยละ 10 โดยจะเร่งหาแนวทางกระตุ้นการบริโภคในช่วงที่มีปัญหาทางการเมืองอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ ยังมีแผนการที่จะจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศมาศึกษาการปรับโครงสร้างภาษี และหาทางอุดช่องโหว่ โดยเบื้องต้นได้ประสานกับบริษัทที่ปรึกษาหลายราย ไม่ว่าจะเป็นไพรส์วอเตอร์เฮ้าส์ บริษัท แมคเคนซีย์ บริษัท เคพีเอ็นจี เพื่อหาแนวทางเสนอรัฐบาลชุดใหม่
พร้อมยอมรับด้วยว่า ความล่าช้าในการทำงบประมาณปี 58 จะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ ให้ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.6 จากเดิมที่คาดว่าจะโตร้อยละ 4 จึงสั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษาแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่งบประมาณปี 58 ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ส่วนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ชะลอตัว จะเน้นกระตุ้นการบริโภคมากกว่ามาตรการทางภาษี เพราะมีข้อจำกัดมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม จะครบกำหนดสิ้นเดือนกันยายนนี้ ได้สั่งให้ สศค.เร่งเสนอแผนมาพิจารณา แต่ยืนยันว่า จะไม่กลับไปเก็บภาษีอัตราเดิมที่ร้อยละ 10 โดยจะเร่งหาแนวทางกระตุ้นการบริโภคในช่วงที่มีปัญหาทางการเมืองอยู่ในขณะนี้