นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง และนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา เพื่อขอขยายระยะเวลาการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือกอีก 45 วัน
โดยนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง กล่าวว่า ได้มาขอคัดสำเนาหลักฐานและได้รับข้อมูลเพิ่มเติมอีก 280 แผ่นเมื่อวานที่ผ่านมา หากรวมกับเอกสารเดิมอีก 49 แผ่น จึงต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ ประกอบกับนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือด่วนที่สุดส่งให้ 10 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกแล้ว แต่พบว่าหลายหน่วยงานไม่สามารถส่งเอกสารกลับมาภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ เนื่องจากต้องรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการป.ป.ช. เคยอนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหาบางรายขยายเวลาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นเวลา 30 วัน จึงขอให้คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาให้ความเป็นธรรมด้วยเช่นกัน
ขณะที่นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ กล่าวว่า จากการคัดเอกสารสำนวนไปตรวจสอบ ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีจุดใดระบุว่านายกรัฐมนตรีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก จึงอยากขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้แจงข้อกล่าวหาอย่างละเอียด และเห็นว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีการชี้มูลความผิดรัฐมนตรีในระดับปฏิบัติ ดังนั้น การกล่าวหาว่าผู้ดูแลเชิงนโยบายว่ามีความผิดจึงเป็นไปไม่ได้
โดยนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง กล่าวว่า ได้มาขอคัดสำเนาหลักฐานและได้รับข้อมูลเพิ่มเติมอีก 280 แผ่นเมื่อวานที่ผ่านมา หากรวมกับเอกสารเดิมอีก 49 แผ่น จึงต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ ประกอบกับนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือด่วนที่สุดส่งให้ 10 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกแล้ว แต่พบว่าหลายหน่วยงานไม่สามารถส่งเอกสารกลับมาภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ เนื่องจากต้องรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการป.ป.ช. เคยอนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหาบางรายขยายเวลาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นเวลา 30 วัน จึงขอให้คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาให้ความเป็นธรรมด้วยเช่นกัน
ขณะที่นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ กล่าวว่า จากการคัดเอกสารสำนวนไปตรวจสอบ ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีจุดใดระบุว่านายกรัฐมนตรีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก จึงอยากขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้แจงข้อกล่าวหาอย่างละเอียด และเห็นว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีการชี้มูลความผิดรัฐมนตรีในระดับปฏิบัติ ดังนั้น การกล่าวหาว่าผู้ดูแลเชิงนโยบายว่ามีความผิดจึงเป็นไปไม่ได้
