นายสุรศักดิ์ เรียงเครืออธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 24-28 มีนาคมนี้ ได้นำคณะเดินทางเยือนประเทศอิรักเพื่อเจรจาการขายข้าวและฟื้นฟูความเชื่อมั่นการซื้อข้าวจากรัฐบาลไทย เพราะอิรักเป็นตลาดที่มีศักยภาพ หากสามารถได้ข้อสรุปการซื้อขายข้าวระหว่างกัน จะทำให้ไทยมีช่องทางการระบายออกนอกประเทศได้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้อาจมีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นการซื้อข้าวจากไทย จึงต้องเร่งชี้แจงและฟื้นฟูความเชื่อมั่นว่าไทยมีแผนการดูแลคุณภาพข้าวในสต๊อกอย่างดี และพร้อมที่จะค้ากับอิรัก ซึ่งไทยมีชื่อเสียงที่ดีในแง่ความสามารถการจัดส่งข้าวได้ตามกำหนดเวลาอยู่แล้ว เชื่อว่าน่าจะทำให้ได้ข้อสรุปจากการเดินทางเยือนครั้งนี้ในทางที่ดี
ขณะที่นายไพบูลย์ ควรครองธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัท ข้าวไชยพร จำกัด กล่าวว่า อิรักมีการนำเข้าข้าวเฉลี่ยปีละ 2 แสนตัน ในจำนวนนี้ร้อยละ 60-70 เป็นข้าวจากรัฐบาลไทย ส่วนที่เหลือเป็นการนำเข้าจากประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ โดยอิรักเป็นตลาดที่คำนึงถึงคุณภาพข้าวมากกว่าปัจจัยด้านราคา
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในการซื้อข้าวข้าวครั้งล่าสุด เอกชนซึ่งทำหน้าที่ส่งมอบข้าวให้อิรักได้ส่งมอบข้าวคุณภาพต่ำให้รัฐบาลอิรัก รวมถึงยังมีปัญหาปริมาณขาดจำนวนมากกว่าร้อยละ 10 ทำให้รัฐบาลอิรักปฏิเสธการซื้อข้าวจากไทย ซึ่งเรื่องนี้มองว่าบริษัทเอกชนดังกล่าวควรเป็นผู้เข้าไปชี้แจงให้รัฐบาลอิรักเข้าใจถึงความผิดพลาดดังกล่าว
ก่อนหน้านี้อาจมีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นการซื้อข้าวจากไทย จึงต้องเร่งชี้แจงและฟื้นฟูความเชื่อมั่นว่าไทยมีแผนการดูแลคุณภาพข้าวในสต๊อกอย่างดี และพร้อมที่จะค้ากับอิรัก ซึ่งไทยมีชื่อเสียงที่ดีในแง่ความสามารถการจัดส่งข้าวได้ตามกำหนดเวลาอยู่แล้ว เชื่อว่าน่าจะทำให้ได้ข้อสรุปจากการเดินทางเยือนครั้งนี้ในทางที่ดี
ขณะที่นายไพบูลย์ ควรครองธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัท ข้าวไชยพร จำกัด กล่าวว่า อิรักมีการนำเข้าข้าวเฉลี่ยปีละ 2 แสนตัน ในจำนวนนี้ร้อยละ 60-70 เป็นข้าวจากรัฐบาลไทย ส่วนที่เหลือเป็นการนำเข้าจากประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ โดยอิรักเป็นตลาดที่คำนึงถึงคุณภาพข้าวมากกว่าปัจจัยด้านราคา
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในการซื้อข้าวข้าวครั้งล่าสุด เอกชนซึ่งทำหน้าที่ส่งมอบข้าวให้อิรักได้ส่งมอบข้าวคุณภาพต่ำให้รัฐบาลอิรัก รวมถึงยังมีปัญหาปริมาณขาดจำนวนมากกว่าร้อยละ 10 ทำให้รัฐบาลอิรักปฏิเสธการซื้อข้าวจากไทย ซึ่งเรื่องนี้มองว่าบริษัทเอกชนดังกล่าวควรเป็นผู้เข้าไปชี้แจงให้รัฐบาลอิรักเข้าใจถึงความผิดพลาดดังกล่าว