นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะแจ้งข้อกล่าวหานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้อง ที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือเปิดทางให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวในระยะเวลารวดเร็ว แต่การดำเนินการในคดีการทุจริตในโครงการแทรกแซงตลาดข้าว ในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2553 กลับดำเนินการล่าช้าและคดียังไม่สิ้นสุดจนถึงปัจจุบัน ทั้งที่เป็นคดีเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับข้าวเช่นเดียวกันนั้น มีข้อสังเกตว่า ป.ป.ช.ใช้ระยะเวลาและกระบวนการดำเนินการต่างกัน โดยคดีของรัฐบาลชุดนี้ ป.ป.ช.มีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากผู้ส่งออก และสามารถสรุปสำนวนได้รวดเร็ว แต่ในคดีของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้ใช้วิธีการร้องขอเอกสารจากองค์การคลังสินค้า หรือ อคส. ทั้งที่ประเด็นคือการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ซึ่งเป็นประเด็นคล้ายกัน และยังไม่มีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงมองว่าอาจเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่
ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวอ้างว่าไทยนำข้าวไปขายให้อินโดนีเซียในราคาต่ำกว่าต้นทุน หรือเป็นการทุ่มตลาดข้าว นั้น นายยรรยง กล่าวยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากข้าวไทยราคาแพงกว่าหลายประเทศ เพราะเป็นข้าวคุณภาพดี และไม่มีความจำเป็นต้องลดราคาให้ต่ำเพื่อให้ขายได้ ซึ่งไม่กังวลหากประเทศอื่นๆ จะยื่นฟ้องไทยต่อองค์การการค้าโลก หรือ WTO เพราะหากมีการฟ้องร้องไทย กระทรวงพาณิชย์มีหลักฐานพร้อมที่จะยืนยันต่อองค์การการค้าโลกอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวอ้างว่าไทยนำข้าวไปขายให้อินโดนีเซียในราคาต่ำกว่าต้นทุน หรือเป็นการทุ่มตลาดข้าว นั้น นายยรรยง กล่าวยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากข้าวไทยราคาแพงกว่าหลายประเทศ เพราะเป็นข้าวคุณภาพดี และไม่มีความจำเป็นต้องลดราคาให้ต่ำเพื่อให้ขายได้ ซึ่งไม่กังวลหากประเทศอื่นๆ จะยื่นฟ้องไทยต่อองค์การการค้าโลก หรือ WTO เพราะหากมีการฟ้องร้องไทย กระทรวงพาณิชย์มีหลักฐานพร้อมที่จะยืนยันต่อองค์การการค้าโลกอยู่แล้ว