ผู้ประท้วงชาวยูเครน ตระเตรียมเผชิญหน้ากับตำรวจปราบจลาจลรอบใหม่ รอบๆ แนวเครื่องกีดขวางที่ยังกำลังลุกไหม้เมื่อวันพุธ (19 ก.พ.) หลังจากทั้งสองสองฝ่ายปะทะกันดุเดือดหนักหน่วงในวันอังคาร (18) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 26 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 600 คน ถือเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่สุดในประเทศนี้นับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต โดยที่ประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูโควิช โยนความผิดให้ฝ่ายค้าน เช่นเดียวกับรัสเซียที่ชี้ว่า แนวโน้มสงครามกลางเมืองในยูเครนส่วนหนึ่งเกิดจากการแทรกแซงของตะวันตก ขณะทีทางสหภาพยุโรป (อียู) เร่งเรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือใช้มาตรการลงโทษคว่ำบาตรต่อพวกที่อยู่เบื้องหลังความไม่สงบนองเลือดคราวนี้
ผู้ประท้วงพากันขว้างปาก้อนหินและระเบิดขวดน้ำมันใส่ตำรวจปราบจลาจลที่ตั้งแถวเผชิญหน้าเตรียมบุกเข้าสู่แคมป์ชุมนุมในบริเวณจัตุรัสไมดาน (จัตุรัสเอกราช) กลางเมืองเคียฟตั้งแต่รุ่งเช้าวันพุธ (19) ท่ามกลางควันและเปลวไฟจากแนวเครื่องกีดขวางตลอดจนเต็นท์บางส่วนในแคมป์ที่ยังคงลุกไหม้ ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่บางคนตอบโต้ด้วยการยิงระเบิดแสงและกระสุนยางบ้าง รวมทั้งใช้เครื่องฉีดน้ำฉีดใส่ผู้ประท้วงตลอดจนดับกองเพลิงที่อยู่ใกล้ๆ
แต่ถึงแม้ยังคงตั้งแถวเตรียมพร้อม ทว่ากองกำลังความมั่นคงดูเหมือนจะหยุดพักการผลักดันของพวกเขาเป็นการชั่วคราว ขณะที่ประชาชนรอบๆ กรุงเคียฟหลั่งไหลกันไปยังศูนย์กลางการชุมนุมประท้วงที่ดำเนินต่อเนื่องมา 3 เดือนแห่งนี้ พร้อมด้วยอาหาร, เสื้อผ้า, และหยูกยาเครื่องเวชภัณฑ์สำหรับผู้ประท้วง
ในช่วงคืนวันอังคารนั้น กองกำลังความมั่นคงยิงถล่มผู้ชุมนุมนับหมื่นคนด้วยแก๊สน้ำตา ระเบิดแสง และเครื่องฉีดน้ำ เพื่อจุดประสงค์ที่จะผลักดันเข้ารื้อทำลายเต็นท์ของผู้ชุมนุม
กรุงเคียฟถูกปิดตายโดยปริยาย เนื่องจากทางการสั่งหยุดเดินระบบรถไฟใต้ดิน และจำกัดการเดินทางเข้าเมืองทางถนน
สถานการณ์รุนแรงล่าสุดปะทุขึ้นทั้งที่บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบตลอดหลายวันก่อนหน้านี้ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างยอมประนีประนอม โดยทางผู้ประท้วงยอมถอนออกจากศาลาการเคียฟเมื่อวันอาทิตย์ (16) หลังรัฐบาลยอมนิรโทษกรรมผู้ประท้วงที่ถูกคุมขัง
แคทเธอลีน แอชตัน ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศของอียู ได้เรียกประชุมฉุกเฉินบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปในวันพฤหัสบดี (20) เพื่อหารือกันเรื่องยูเครน โดยจะพิจารณาเรื่องการลงโทษคว่ำบาตรพวกผู้นำยูเครนด้วย
เสียงเรียกร้องให้คว่ำบาตรนั้นยังออกมาจากทางฝรั่งเศสและโปแลนด์ ขณะที่เยอรมนีกล่าวประณามว่าวิกฤตที่เลวร้ายลงเช่นนี้ เนื่องจากยานูโควิชปฏิเสธไม่ยอมพูดจาอย่างจริงจังกับฝ่ายค้าน
ผู้ประท้วงพากันขว้างปาก้อนหินและระเบิดขวดน้ำมันใส่ตำรวจปราบจลาจลที่ตั้งแถวเผชิญหน้าเตรียมบุกเข้าสู่แคมป์ชุมนุมในบริเวณจัตุรัสไมดาน (จัตุรัสเอกราช) กลางเมืองเคียฟตั้งแต่รุ่งเช้าวันพุธ (19) ท่ามกลางควันและเปลวไฟจากแนวเครื่องกีดขวางตลอดจนเต็นท์บางส่วนในแคมป์ที่ยังคงลุกไหม้ ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่บางคนตอบโต้ด้วยการยิงระเบิดแสงและกระสุนยางบ้าง รวมทั้งใช้เครื่องฉีดน้ำฉีดใส่ผู้ประท้วงตลอดจนดับกองเพลิงที่อยู่ใกล้ๆ
แต่ถึงแม้ยังคงตั้งแถวเตรียมพร้อม ทว่ากองกำลังความมั่นคงดูเหมือนจะหยุดพักการผลักดันของพวกเขาเป็นการชั่วคราว ขณะที่ประชาชนรอบๆ กรุงเคียฟหลั่งไหลกันไปยังศูนย์กลางการชุมนุมประท้วงที่ดำเนินต่อเนื่องมา 3 เดือนแห่งนี้ พร้อมด้วยอาหาร, เสื้อผ้า, และหยูกยาเครื่องเวชภัณฑ์สำหรับผู้ประท้วง
ในช่วงคืนวันอังคารนั้น กองกำลังความมั่นคงยิงถล่มผู้ชุมนุมนับหมื่นคนด้วยแก๊สน้ำตา ระเบิดแสง และเครื่องฉีดน้ำ เพื่อจุดประสงค์ที่จะผลักดันเข้ารื้อทำลายเต็นท์ของผู้ชุมนุม
กรุงเคียฟถูกปิดตายโดยปริยาย เนื่องจากทางการสั่งหยุดเดินระบบรถไฟใต้ดิน และจำกัดการเดินทางเข้าเมืองทางถนน
สถานการณ์รุนแรงล่าสุดปะทุขึ้นทั้งที่บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบตลอดหลายวันก่อนหน้านี้ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างยอมประนีประนอม โดยทางผู้ประท้วงยอมถอนออกจากศาลาการเคียฟเมื่อวันอาทิตย์ (16) หลังรัฐบาลยอมนิรโทษกรรมผู้ประท้วงที่ถูกคุมขัง
แคทเธอลีน แอชตัน ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศของอียู ได้เรียกประชุมฉุกเฉินบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปในวันพฤหัสบดี (20) เพื่อหารือกันเรื่องยูเครน โดยจะพิจารณาเรื่องการลงโทษคว่ำบาตรพวกผู้นำยูเครนด้วย
เสียงเรียกร้องให้คว่ำบาตรนั้นยังออกมาจากทางฝรั่งเศสและโปแลนด์ ขณะที่เยอรมนีกล่าวประณามว่าวิกฤตที่เลวร้ายลงเช่นนี้ เนื่องจากยานูโควิชปฏิเสธไม่ยอมพูดจาอย่างจริงจังกับฝ่ายค้าน