นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศรส.ได้รับการรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาคต่างๆ ว่า มีการดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส.และแนวร่วม กรณีร่วมกันกระทำความผิด ด้วยการขัดขวางการเลือกตั้ง ทั้งในกรุงเทพมหานคร และหลายจังหวัดภาคใต้ จำนวน 329 คดี แบ่งเป็นคดีเจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จงใจละทิ้งหน้าที่ ไม่จัดการเลือกตั้ง จำนวน 169 คดี และคดีขัดขวางการเลือกตั้ง จำนวน 160 คดี และศาลได้ออกหมายจับผู้กระทำความผิดแล้ว 61 คน
ส่วนการเข้าตรวจสอบพื้นที่การชุมนุม เพื่อจับกุมแกนนำ กปปส.ตามที่ศาลได้ออกหมายจับ รวมทั้งการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้า และการเปิดใช้พื้นที่ส่วนราชการ ศรส.ได้กำหนดพื้นที่ปฏิบัติการรวม 5 แห่ง ประกอบด้วย ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทย ซึ่ง ศรส.มีการกำหนดแผนปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ และยุทธวิธี เพื่อความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
พร้อมย้ำว่า ศรส.มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อการขอคืนพื้นที่เพื่อเปิดศูนย์ราชการฯ ไม่ใช่การสลายการชุมนุม
ส่วนการเข้าตรวจสอบพื้นที่การชุมนุม เพื่อจับกุมแกนนำ กปปส.ตามที่ศาลได้ออกหมายจับ รวมทั้งการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้า และการเปิดใช้พื้นที่ส่วนราชการ ศรส.ได้กำหนดพื้นที่ปฏิบัติการรวม 5 แห่ง ประกอบด้วย ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทย ซึ่ง ศรส.มีการกำหนดแผนปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ และยุทธวิธี เพื่อความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
พร้อมย้ำว่า ศรส.มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อการขอคืนพื้นที่เพื่อเปิดศูนย์ราชการฯ ไม่ใช่การสลายการชุมนุม