น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในช่วงอากาศหนาวเย็นนี้ สภาพอากาศจะแห้ง ความชื้นในอากาศจะลดลง ทำให้ประชาชนเสี่ยงเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน แต่โรคนี้ป้องกันได้ด้วยวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ฉีดวัคซีนให้เฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง ซึ่งหากป่วยจะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรง เสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงกว่าประชาชนทั่วไป เริ่มตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ในปี 2556 ตั้งเป้าฉีดทั้งหมด 3.4 ล้านคน ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่กำจัดสัตว์ปีก 2.กลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป 3.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป 4.กลุ่มเด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี และ 5.ผู้ป่วยทุกอายุที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้น หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด พบว่ามีผู้มารับบริการร้อยละ 90 หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขจัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันในกลุ่มเสี่ยงพบว่า แนวโน้มจำนวนการป่วย และเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ลดลง จากป่วย 61,989 ราย เสียชีวิต 4 ราย ในปี 2555 เหลือป่วย 43,047 ราย ไม่มีเสียชีวิตในปี 2556
จากรายงานของสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่ 1-19 มกราคม 2557 ทั่วประเทศพบผู้ป่วย 839 ราย จาก 58 จังหวัด ไม่มีผู้เสียชีวิต
นอกจากนี้ ยังช่วยลดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้อีกด้วย อีกทั้งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ยังช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ในการรักษาผู้ป่วยได้มูลค่ามหาศาลปีละ 913-2,453 ล้านบาท ดังนั้นในปี 2557 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2557 ต่อไป
จากรายงานของสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่ 1-19 มกราคม 2557 ทั่วประเทศพบผู้ป่วย 839 ราย จาก 58 จังหวัด ไม่มีผู้เสียชีวิต
นอกจากนี้ ยังช่วยลดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้อีกด้วย อีกทั้งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ยังช่วยลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ในการรักษาผู้ป่วยได้มูลค่ามหาศาลปีละ 913-2,453 ล้านบาท ดังนั้นในปี 2557 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2557 ต่อไป