คณะผู้นำยูเครนออกมากล่าวในวันพุธ (18 ธ.ค.) ว่าการที่ประธานาธิบดีวิกตอร์ ยูโนโควิช เดินทางไปเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และฝ่ายรัสเซียตกลงให้ความช่วยเหลือ “ครั้งประวัติศาสตร์” ทั้งในรูปการปล่อยกู้ด้วยการซื้อพันธบัตร และการลดราคาก๊าซที่ขายให้ เป็นการช่วยเหลือให้ยูเครนหลีกเลี่ยงจากการล้มละลายทางเศรษฐกิจและการพังทลายทางสังคม ขณะที่พวกผู้ประท้วงซึ่งนิยมตะวันตกกลับประณามว่า เป็นการนำผลประโยชน์ของประเทศไปประเคนให้หมีขาว รวมทั้งเป็นการปล้นอนาคตของยูเครนในการร่วมมือกับยุโรป พร้อมกับประกาศลั่นพร้อมชุมนุมยืดเยื้อข้ามปี เพื่อให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาชุดใหม่
นายกรัฐมนตรี มืย์โคลา อาซารอฟ แถลงในขณะเปิดประชุมคณะรัฐมนตรียูเครนวันพุธว่า ข้อตกลงที่ได้มาจากการเจรจาของยานูโควิช กับ ปูติน ที่กรุงมอสโกเมื่อวันอังคาร (17) คือหนทางรอดเพียงทางเดียวสำหรับกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่อัตราเติบโตอยู่ในระดับติดลบมา 5 ไตรมาสติดต่อกัน ขณะที่ข้อเสนอในการทำกรอบข้อตกลงสายสัมพันธ์ทางการเมืองและการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งรัฐบาลได้หยุดเอาไว้ก่อนจนก่อให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในกรุงเคียฟมาเป็นเวลา 1 เดือนแล้วนั้น มีแต่จะดึงลากประเทศให้จมโคลน
“สิ่งที่จะรอคอยยูเครนอยู่ (ถ้าไม่ได้ข้อตกลงที่ทำกับรัสเซียมาช่วยไว้) น่ะหรือ? คำตอบมีอยู่อย่างชัดเจนแล้ว นั่นคือ การล้มละลายทางเศรษฐกิจและการพังทลายทางสังคม” อาซารอฟกล่าว
“นี่คือของขวัญปีใหม่สำหรับชาวยูเครน” เขากล่าวและเรียกการทำข้อตกลงกับมอสโกคราวนี้ว่าเป็น “เหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์”
เรื่องสำคัญที่ปูตินตกลงกับยานูโควิชในวันอังคารก็คือ รัสเซียจะเข้าซื้อพันธบัตรของยูเครนเป็นมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งลดราคาก๊าซธรรมชาติที่ขายให้ยูเครนลงมาประมาณหนึ่งในสาม อันเป็นความเคลื่อนไหวซึ่งพวกนักเศรษฐศาสตร์บอกว่า จะช่วยให้ยูเครนไม่กลายเป็นประเทศล้มละลายหมดความสามารถในการชำระหนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ในตอนนี้
อย่างไรก็ดี พวกผู้ประท้วงที่เป็นฝ่ายค้านยานูโควิช อีกทั้งต้องการให้ยูเครนหันไปรวมตัวกับยุโรปนั้น ระแวงว่า อาจมีการสอดไส้ข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างในข้อตกลงกับฝ่ายหมีขาว
วิตาลี คลิชโก อดีตแชมป์มวยโลกที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้นำฝ่ายค้านยูเครน ประกาศต่อผู้ชุมนุมราว 5,000 คนในจัตุรัสเอกราชเมื่อคืนวันอังคาร กล่าวหายานูโควิชนำอุตสาหกรรมของยูเครนไปค้ำประกันกับรัสเซียเพื่อแลกกับข้อตกลงดังกล่าว
บรรดาผู้นำฝ่ายค้านยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาใหม่ พร้อมประกาศว่า หากจำเป็น จะปักหลักประท้วงต่อถึงปีใหม่และวันคริสต์มาสของนิกายออร์โธด็อกซ์ซึ่งจะอยู่ในวันที่ 7 มกราคม
นายกรัฐมนตรี มืย์โคลา อาซารอฟ แถลงในขณะเปิดประชุมคณะรัฐมนตรียูเครนวันพุธว่า ข้อตกลงที่ได้มาจากการเจรจาของยานูโควิช กับ ปูติน ที่กรุงมอสโกเมื่อวันอังคาร (17) คือหนทางรอดเพียงทางเดียวสำหรับกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่อัตราเติบโตอยู่ในระดับติดลบมา 5 ไตรมาสติดต่อกัน ขณะที่ข้อเสนอในการทำกรอบข้อตกลงสายสัมพันธ์ทางการเมืองและการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งรัฐบาลได้หยุดเอาไว้ก่อนจนก่อให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในกรุงเคียฟมาเป็นเวลา 1 เดือนแล้วนั้น มีแต่จะดึงลากประเทศให้จมโคลน
“สิ่งที่จะรอคอยยูเครนอยู่ (ถ้าไม่ได้ข้อตกลงที่ทำกับรัสเซียมาช่วยไว้) น่ะหรือ? คำตอบมีอยู่อย่างชัดเจนแล้ว นั่นคือ การล้มละลายทางเศรษฐกิจและการพังทลายทางสังคม” อาซารอฟกล่าว
“นี่คือของขวัญปีใหม่สำหรับชาวยูเครน” เขากล่าวและเรียกการทำข้อตกลงกับมอสโกคราวนี้ว่าเป็น “เหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์”
เรื่องสำคัญที่ปูตินตกลงกับยานูโควิชในวันอังคารก็คือ รัสเซียจะเข้าซื้อพันธบัตรของยูเครนเป็นมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งลดราคาก๊าซธรรมชาติที่ขายให้ยูเครนลงมาประมาณหนึ่งในสาม อันเป็นความเคลื่อนไหวซึ่งพวกนักเศรษฐศาสตร์บอกว่า จะช่วยให้ยูเครนไม่กลายเป็นประเทศล้มละลายหมดความสามารถในการชำระหนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ในตอนนี้
อย่างไรก็ดี พวกผู้ประท้วงที่เป็นฝ่ายค้านยานูโควิช อีกทั้งต้องการให้ยูเครนหันไปรวมตัวกับยุโรปนั้น ระแวงว่า อาจมีการสอดไส้ข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างในข้อตกลงกับฝ่ายหมีขาว
วิตาลี คลิชโก อดีตแชมป์มวยโลกที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้นำฝ่ายค้านยูเครน ประกาศต่อผู้ชุมนุมราว 5,000 คนในจัตุรัสเอกราชเมื่อคืนวันอังคาร กล่าวหายานูโควิชนำอุตสาหกรรมของยูเครนไปค้ำประกันกับรัสเซียเพื่อแลกกับข้อตกลงดังกล่าว
บรรดาผู้นำฝ่ายค้านยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาใหม่ พร้อมประกาศว่า หากจำเป็น จะปักหลักประท้วงต่อถึงปีใหม่และวันคริสต์มาสของนิกายออร์โธด็อกซ์ซึ่งจะอยู่ในวันที่ 7 มกราคม