กลุ่มผู้ประท้วงเปิดศึกปะทะกับตำรวจในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ระหว่างการชุมนุมขับไล่ประธานาธิบดีวิคตอร์ ยานูคอวิช เมื่อคืนที่่ผ่านมา โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้ประธานาธิบดียานูคอวิช ลาออก หลังกลับลำไม่ยอมลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งตามกำหนด ยูเครนจะต้องลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับสหภาพยุโรประหว่างการประชุมสุดยอดร่วมกัน วานนี้ ที่กรุงวิลนีอุส เมืองหลวงของลิทัวเนีย
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะเกิดการปะทะกัน กลุ่มผู้ประท้วงประมาณ 10,000 คน รวมทั้งแกนนำฝ่ายค้าน รวมตัวกันในย่านใจกลางกรุงเคียฟ เพื่อแสดงพลังขับไล่ประธานาธิบดียานูคอวิช โดยผู้ประท้วงพากันโบกธงชาติของยูเครนและอียู ท่ามกลางกำลังตำรวจ 2,000 นาย ตรึงกำลังโดยรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงปิดกั้นเส้นทางบนถนนสายหลัก
ขณะที่ประธานาธิบดียานูคอวิช กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับสหภาพยุโรป ที่เมืองหลวงของลิทัวเนีย ว่า ข้อตกลงความร่วมมือกับสหภาพยุโรป ยังคงมีความสำคัญกับยูเครน และยังคงเป็นทางเลือก แต่ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เหมาะสม
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะเกิดการปะทะกัน กลุ่มผู้ประท้วงประมาณ 10,000 คน รวมทั้งแกนนำฝ่ายค้าน รวมตัวกันในย่านใจกลางกรุงเคียฟ เพื่อแสดงพลังขับไล่ประธานาธิบดียานูคอวิช โดยผู้ประท้วงพากันโบกธงชาติของยูเครนและอียู ท่ามกลางกำลังตำรวจ 2,000 นาย ตรึงกำลังโดยรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงปิดกั้นเส้นทางบนถนนสายหลัก
ขณะที่ประธานาธิบดียานูคอวิช กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับสหภาพยุโรป ที่เมืองหลวงของลิทัวเนีย ว่า ข้อตกลงความร่วมมือกับสหภาพยุโรป ยังคงมีความสำคัญกับยูเครน และยังคงเป็นทางเลือก แต่ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เหมาะสม
