นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า สถานการณ์ความรุนแรงต่อสตรีพบว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมาสูงขึ้น ในครอบครัวมีการฆ่ากันทำร้ายร่างกายกัน จากหน้าหนังสือพิมพ์ถึง 186 ราย มากกว่า ปี 2554 174 ราย และยังพบอีกว่า ขณะนี้ส่วนใหญ่ยังคงไม่เข้าใจว่ามี พ.ร.บ.คุ้มครองความรุนแรงในครอบครัว ที่จะไม่ทำให้เรื่องทะเลาะวิวาทระหว่างสามีภรรยา กลายเป็นเรื่องปกปิดที่ไม่มีใครยุ่งเกี่ยว โดย พ.ร.บ.นี้ให้อำนาจตำรวจในการไกล่เกลี่ยยุติปัญหา จนถึงให้อำนาจศาลสั่งห้ามมิให้ผู้ชายที่กระทำรุนแรงต่อสตรี เข้าใกล้ จนกว่าจะแน่ใจว่า จะไม่มีความรุนแรงเกิดซ้ำ อย่างเช่นกรณีดังที่มีการทำร้ายฝ่ายหญิงจนครอบครัวฝ่ายหญิงสั่งฆ่าสามี สะท้อนเห็นว่าความรุนแรงในครอบครัวไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ในเวลาอันสั้น ต้องมีการบำบัด และควบคุมพฤติกรรม ก่อนจะกลับมาเป็นครอบครัวกันอีกครั้ง
จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯ จำนวน 1,194 คน วันที่ 24-30 ตุลาคม 2556 พบว่า ผู้หญิงร้อยละ 67 ไม่ทราบว่าวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก และร้อยละ 46.8 พบว่า ความรุนแรงในครอบครัวมาจากการเงียบ ไม่พูด ร้อยละ 45.7 หึงหวง ร้อยะ 26.5 กักบริเวณไม่ให้ออกไปไหน ร้อยละ 25 ขู่ตะคอก ด่าทอ ร้อยละ 8 ทุบตีทำร้ายร่างกาย
ทั้งนี้ กลุ่มมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ยังได้มีการแสดงละคร สะท้อนความรุนแรงในครอบครัว พร้อมแสดงสัญลักษณ์ ร่วมก้าวข้ามความรุนแรง โดยเอาลิปสติก ป้ายตา เพื่อแสดงให้หญิงและชาย ยุติความรุนแรง
จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯ จำนวน 1,194 คน วันที่ 24-30 ตุลาคม 2556 พบว่า ผู้หญิงร้อยละ 67 ไม่ทราบว่าวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก และร้อยละ 46.8 พบว่า ความรุนแรงในครอบครัวมาจากการเงียบ ไม่พูด ร้อยละ 45.7 หึงหวง ร้อยะ 26.5 กักบริเวณไม่ให้ออกไปไหน ร้อยละ 25 ขู่ตะคอก ด่าทอ ร้อยละ 8 ทุบตีทำร้ายร่างกาย
ทั้งนี้ กลุ่มมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ยังได้มีการแสดงละคร สะท้อนความรุนแรงในครอบครัว พร้อมแสดงสัญลักษณ์ ร่วมก้าวข้ามความรุนแรง โดยเอาลิปสติก ป้ายตา เพื่อแสดงให้หญิงและชาย ยุติความรุนแรง
