นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะต่อสู้คดีปราสาทเขาพระวิหารฝ่ายไทย สรุปว่า จากการพิพากษาตีความคดีปราสาทเขาพระวิหารของศาลโลก ทำให้ทราบว่าศาลรับฟังประเด็นของกัมพูชาเพียง 3 ประเด็น ซึ่งศาลมีอำนาจและมีเหตุต้องตีความ เช่น มติคณะรัฐมนตรีไทยปี 2505 ไม่ใช่ขอบเขตบริเวณใกล้เคียงตามความหมายคำพิพากษาปี 2505 และแผนที่ 1 ต่อ 200,000 มีบทบาทหลักในการให้เหตุผลของศาล แต่จำกัดเฉพาะบริเวณพื้นที่พิพาทเท่านั้น แต่ศาลโลกรับฟังไทยถึง 13 ประเด็น อาทิ แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่มีความเกี่ยวข้องในฐานะเหตุผลของคำพิพากษาปี 2505 และไม่ผูกพันไทยกับกัมพูชา โดยผลของคำพิพากษาพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ในปัจจุบันไม่ใช่พื้นที่พิพาทในคดีเดิม ภูมะเขือไม่ได้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงปราสาทเขาพระวิหารตามคำพิพากษาปี 2505 บทบาทแผนที่ 1 ต่อ 200,000 จำกัดเฉพาะในบริเวณใกล้เคียงปราสาท และบริเวณใกล้เคียงปราสาท คือพื้นที่พิพาทเดิม ซึ่งต้องเล็ก จำกัด การถ่ายทอดเส้นบนพื้นที่แผ่นที่ 1 ต่อ 200,000 ลงบนภูมิประเทศจริง ทำได้ยากจนกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้