นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ปัญหาในระยะสั้นที่ต้องติดตาม คือ ความขัดแย้งทางการเมืองของสหรัฐฯ ที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจนกระทบสถานะทางการคลัง ซึ่งเชื่อว่าท้ายสุดแล้วจะประนีประนอมหนี้ได้ในที่สุด แต่ต้องใช้เวลานานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เห็นได้จากตลาดหุ้นมีความคึกคัก ส่วนตลาดการเงินก็มีการไหลเข้าไหลออกที่เป็นไปอย่างสมดุล
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เคลื่อนย้ายเงินทุน โดยเฉพาะกระแสเงินไหลออก หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดมาตรการคิวอี
ส่วนสภาพคล่องในระบบการเงินไทย ยืนยันว่า มีเพียงพอต่อการกู้เงินในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท เนื่องจากเป็นโครงการลงทุนระยะยาว 7 ปี และวงเงินที่กู้สูงสุดเพียงปีละ 3-4 แสนล้านบาท ขณะที่สภาพคล่องส่วนเกินที่ ธปท.ดูแลอยู่มีถึง 4.4 ล้านล้านบาท และสภาพคล่องหมุนเวียนของธนาคารพาณิชย์ผ่านตลาดอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนอีก 5-6 แสนล้านบาทต่อวัน จึงมั่นใจว่าเพียงพอหากรัฐบาลจะเน้นกู้เงินในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เคลื่อนย้ายเงินทุน โดยเฉพาะกระแสเงินไหลออก หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดมาตรการคิวอี
ส่วนสภาพคล่องในระบบการเงินไทย ยืนยันว่า มีเพียงพอต่อการกู้เงินในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท เนื่องจากเป็นโครงการลงทุนระยะยาว 7 ปี และวงเงินที่กู้สูงสุดเพียงปีละ 3-4 แสนล้านบาท ขณะที่สภาพคล่องส่วนเกินที่ ธปท.ดูแลอยู่มีถึง 4.4 ล้านล้านบาท และสภาพคล่องหมุนเวียนของธนาคารพาณิชย์ผ่านตลาดอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนอีก 5-6 แสนล้านบาทต่อวัน จึงมั่นใจว่าเพียงพอหากรัฐบาลจะเน้นกู้เงินในประเทศ