นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสืบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีก่อการร้ายถือว่า เป็นข้อยุติแล้วไม่สามารถทำความเห็นแย้งได้ เพราะเป็นคำสั่งทางคดีของอัยการสูงสุด คดีจึงถือเป็นที่ยุติ หากประชาชนข้องใจดุลยพินิจในคำสั่งดังกล่าว ก็ไม่สามารถไปร้องขอให้หน่วยงานใดรื้อฟื้นคดีได้
ส่วนกรณีที่ศาลยกฟ้องคดี นายสุรชัย เทวรัตน์ หรือหรั่ง อดีตคนสนิท พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ในข้อหาค้าอาวุธสงคราม และล่าสุดอัยการสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ในข้อหาก่อการร้าย ซึ่งทั้ง 2 สำนวนเป็นคดีในความรับผิดชอบดีเอสไอนั้น ก็ไม่ถือเป็นข้อบกพร่องของหน่วยงานใด เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาซึ่งมีหน่วยงานเรียงลำดับตั้งแต่พนักงานสอบสวน อัยการ และศาลในการกลั่นกรองคดีมีข้อแตกต่างของแต่ละหน่วยงาน ในชั้นพนักงานสอบสวนมองเพียงว่า ถ้ามีการกล่าวหาและมีพยานหลักฐานตามสมควรต้องสั่งฟ้อง ในชั้นอัยการจะมองว่าคดีมีหลักฐานพอฟ้องหรือไม่ หากไม่พอจะสั่งไม่ฟ้อง เมื่อไปถึงชั้นศาลมาตรฐานจะสูงขึ้นอีกในการตัดสินลงโทษต้องพิสูจน์ให้สิ้นสงสัย ในคดีของนายสุรชัยดีเอสไอเห็นว่า มีหลักฐานตามสมควรพอฟ้อง ขณะที่อัยการเห็นว่ามีหลักฐานพอฟ้อง แต่ศาลเห็นว่าหลักฐานที่มียังพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยไม่ได้ จึงสั่งยกฟ้อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ใช่ดีเอสไอห่วย อัยการใช้ไม่ได้
ส่วนคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ดีเอสไอเห็นว่า หลักฐานมีพอสมควร แต่อัยการมองว่าหลักฐานไม่พอฟ้องคดีจึงจบที่ชั้นการพิจารณาของอัยการไปไม่ถึงศาล ในนานาชาติถือว่า เรื่องแบบนี้เป็นปกติ เช่นเดียวกับคดีสามัญทั่วไป ไม่ถือเป็นข้อบกพร่องแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ศาลยกฟ้องคดี นายสุรชัย เทวรัตน์ หรือหรั่ง อดีตคนสนิท พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ในข้อหาค้าอาวุธสงคราม และล่าสุดอัยการสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ในข้อหาก่อการร้าย ซึ่งทั้ง 2 สำนวนเป็นคดีในความรับผิดชอบดีเอสไอนั้น ก็ไม่ถือเป็นข้อบกพร่องของหน่วยงานใด เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาซึ่งมีหน่วยงานเรียงลำดับตั้งแต่พนักงานสอบสวน อัยการ และศาลในการกลั่นกรองคดีมีข้อแตกต่างของแต่ละหน่วยงาน ในชั้นพนักงานสอบสวนมองเพียงว่า ถ้ามีการกล่าวหาและมีพยานหลักฐานตามสมควรต้องสั่งฟ้อง ในชั้นอัยการจะมองว่าคดีมีหลักฐานพอฟ้องหรือไม่ หากไม่พอจะสั่งไม่ฟ้อง เมื่อไปถึงชั้นศาลมาตรฐานจะสูงขึ้นอีกในการตัดสินลงโทษต้องพิสูจน์ให้สิ้นสงสัย ในคดีของนายสุรชัยดีเอสไอเห็นว่า มีหลักฐานตามสมควรพอฟ้อง ขณะที่อัยการเห็นว่ามีหลักฐานพอฟ้อง แต่ศาลเห็นว่าหลักฐานที่มียังพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยไม่ได้ จึงสั่งยกฟ้อง ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ใช่ดีเอสไอห่วย อัยการใช้ไม่ได้
ส่วนคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ดีเอสไอเห็นว่า หลักฐานมีพอสมควร แต่อัยการมองว่าหลักฐานไม่พอฟ้องคดีจึงจบที่ชั้นการพิจารณาของอัยการไปไม่ถึงศาล ในนานาชาติถือว่า เรื่องแบบนี้เป็นปกติ เช่นเดียวกับคดีสามัญทั่วไป ไม่ถือเป็นข้อบกพร่องแต่อย่างใด