นางสุจินต์ วาสสนิท ผู้จัดการอาวุโสสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ปทุมธานี เปิดเผยถึงแผนป้องกันน้ำท่วมของสวนอุตสาหกรรมบางกะดีว่า ขณะนี้ได้มีการจัดทำแผนป้องกันน้ำท่วมเรียบร้อยแล้ว โดยได้สร้างเขื่อนป้องกันความสูงประมาณ 5 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และความยาว 8.76 กิโลเมตร มูลค่ากว่า 480 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรองรับน้ำได้หากเปรียบเทียบกับในปี 2554 ที่ผ่านมาที่ระดับน้ำสูงถึง 4.3 เมตร และมวลน้ำปริมาณ 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยในปัจจุบันมวลน้ำอยู่ที่ 2,800-3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่หากมวลน้ำมีมากกว่าที่คาดการณ์ ทางนิคมฯ สามารถเพิ่มความสูงของเขื่อนได้อีกประมาณ 1 เมตร จึงมั่นใจได้ว่า น้ำจะไม่เข้าท่วมในพื้นที่อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ 2 เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีการแจ้งเตือน และให้ข้อมูลข่าวสารให้ผู้ประกอบการได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกรมชลประทาน และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบสวนอุตสาหกรรม เพื่อจัดเป็นเซฟตี้โซน โดยจะให้ความสำคัญกับชุมชน เพื่อป้องกันสถานการณ์น้ำท่วมร่วมกัน
ด้าน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหารบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ กล่าวว่า ทางบริษัทมีความมั่นใจแผนป้องกันน้ำท่วมของทางสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ขณะเดียวกันทางบริษัทมีการเตรียมพร้อมด้วยการซ้อมแผนป้องกันน้ำท่วมเป็นประจำ รวมทั้งวางแผนการออกแบบการก่อสร้าง เพื่อรองรับน้ำท่วมในอนาตคต
ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลแสดงความจริงจังในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการก่อสร้างโครงการบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท รวมทั้งการฟื้นฟูป่าต้นน้ำอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ เพราะที่ผ่านมาการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำเป็นการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ 2 เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีการแจ้งเตือน และให้ข้อมูลข่าวสารให้ผู้ประกอบการได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกรมชลประทาน และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบสวนอุตสาหกรรม เพื่อจัดเป็นเซฟตี้โซน โดยจะให้ความสำคัญกับชุมชน เพื่อป้องกันสถานการณ์น้ำท่วมร่วมกัน
ด้าน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหารบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ กล่าวว่า ทางบริษัทมีความมั่นใจแผนป้องกันน้ำท่วมของทางสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ขณะเดียวกันทางบริษัทมีการเตรียมพร้อมด้วยการซ้อมแผนป้องกันน้ำท่วมเป็นประจำ รวมทั้งวางแผนการออกแบบการก่อสร้าง เพื่อรองรับน้ำท่วมในอนาตคต
ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลแสดงความจริงจังในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการก่อสร้างโครงการบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท รวมทั้งการฟื้นฟูป่าต้นน้ำอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ เพราะที่ผ่านมาการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำเป็นการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ