เมื่อเวลา 17.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ภายในปี 2558 ครั้งที่ 2/2556 แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินจากตึกสันติไมตรี ไปตรวจสอบการติดตั้งกล้องวิเคราะห์และประมวลผลภาพถ่าย ซึ่งติดตั้งที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ดูการใช้งานกล้องดังกล่าว ที่มีเทคโนโลยีประมวลผลใบหน้าบุคคล และทะเบียนรถยนต์อัตโนมัติ พร้อมทั้งได้ทดลองให้กล้องดังกล่าวตรวจจับใบหน้าของตนเองด้วย ซึ่งทันทีที่กล้องจับใบหน้า ได้ปรากฏภาพถ่าย และประวัติของนายกรัฐมนตรีบนจอแสดงผล
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับรัฐมนตรี ว่าอยากให้มีการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ในกระทรวงต่างๆ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะจุดเสี่ยง เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และอยากให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับระบบการรักษาความปลอดภัยร่วมกันด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ อยากให้มีการบูรณาการกับศูนย์ปฏิบัติการกลางกล้องซีซีทีวีแห่งชาติ ที่ตั้งอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการกล้องวงจรปิดทั่วประเทศ
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ เปิดเผยว่า ระบบวิเคราะห์และประมวลผลนี้ ได้นำมาทดลองติดตั้งบริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาลเป็นจุดแรก เนื่องจากทำเนียบรัฐบาลเป็นพื้นที่สำคัญ โดยระบบดังกล่าวจะมีการเชื่อมโยงกับศูนย์ทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กรมการขนส่งทางบก และกองทะเบียนอาชญากรรม เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลบุคคล และ ยานพาหนะ เมื่อมีบุคคลหรือรถยนต์ต้องสงสัย ผ่านจุดที่มีการติดตั้ง ระบบจะตรวจจับรายละเอียดและแจ้งเตือนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ เฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวจะมีกล้องจำนวน 5 ตัว และระบบประมวลผลที่เชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูลข้างต้น ซึ่งทั้งระบบมีมูลค่ารวม 2.7 ล้านบาท แต่กล้องที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หากมีการเชื่อมโยงเข้ากับระบบแล้ว ก็จะสามารถใช้งานได้ และจะนำมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ดูการใช้งานกล้องดังกล่าว ที่มีเทคโนโลยีประมวลผลใบหน้าบุคคล และทะเบียนรถยนต์อัตโนมัติ พร้อมทั้งได้ทดลองให้กล้องดังกล่าวตรวจจับใบหน้าของตนเองด้วย ซึ่งทันทีที่กล้องจับใบหน้า ได้ปรากฏภาพถ่าย และประวัติของนายกรัฐมนตรีบนจอแสดงผล
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับรัฐมนตรี ว่าอยากให้มีการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ในกระทรวงต่างๆ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะจุดเสี่ยง เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และอยากให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับระบบการรักษาความปลอดภัยร่วมกันด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ อยากให้มีการบูรณาการกับศูนย์ปฏิบัติการกลางกล้องซีซีทีวีแห่งชาติ ที่ตั้งอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการกล้องวงจรปิดทั่วประเทศ
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ เปิดเผยว่า ระบบวิเคราะห์และประมวลผลนี้ ได้นำมาทดลองติดตั้งบริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาลเป็นจุดแรก เนื่องจากทำเนียบรัฐบาลเป็นพื้นที่สำคัญ โดยระบบดังกล่าวจะมีการเชื่อมโยงกับศูนย์ทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กรมการขนส่งทางบก และกองทะเบียนอาชญากรรม เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลบุคคล และ ยานพาหนะ เมื่อมีบุคคลหรือรถยนต์ต้องสงสัย ผ่านจุดที่มีการติดตั้ง ระบบจะตรวจจับรายละเอียดและแจ้งเตือนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ เฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวจะมีกล้องจำนวน 5 ตัว และระบบประมวลผลที่เชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูลข้างต้น ซึ่งทั้งระบบมีมูลค่ารวม 2.7 ล้านบาท แต่กล้องที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หากมีการเชื่อมโยงเข้ากับระบบแล้ว ก็จะสามารถใช้งานได้ และจะนำมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น