กรมชลฯ แจงเขื่อนป่าสักฯ ระบายน้ำเพิ่มเพื่อรับมือพายุลูกใหม่

นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสาเหตุที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีการระบายน้ำจากเขื่อนเพิ่มขึ้น จากกว่า 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากช่วงนี้สภาพภูมิอากาศดี ฝนยังไม่ตก จึงมีการเร่งระบายน้ำเพิ่ม เพื่อให้ระดับน้ำในเขื่อนอยู่ในระดับที่ปลอดภัยมากขึ้น ก่อนที่พายุลูกใหม่จะเข้าใหม่
อย่างไรก็ตาม เขื่อนป่าสักฯ มีลักษณะพิเศษ ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้การบริหารจัดการน้ำหลากได้อีกระดับหนึ่ง ดังนั้น แม้ปริมาณน้ำขณะนี้จะขึ้นไปถึง 107 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังมีช่องว่าง สามารถเผื่อได้อีก 20 เปอร์เซ็นต์ หรือสามารถรับได้ถึง 122 เปอร์เซ็นต์
ส่วนปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลาง ณ วันนี้ (1 ต.ค.) อยู่ที่ 52,169 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 70 ของความจุ น้อยกว่าปีที่แล้ว 987 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 22,355 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ขณะนี้มีปริมาณน้ำที่ 202 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 90 ของความจุทั้งหมด ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน 3-4 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน กรมชลประทานจึงต้องระบายน้ำออกเฉลี่ย 804 ล้านลูกบาศกเมตรต่อวัน หรือประมาณ 160 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยยืนยัน ยังสามารถระบายน้ำได้ถึง 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ตอนล่าง เนื่องจากมวลน้ำก้อนนี้จะไหลลงสู่แม่น้ำนครนายก ซึ่งจะไปบรรจงกับแม่น้ำบางปะกง ต.บางขนาก อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี