ปฏิบัติการช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหวใหญ่ในปากีสถานเจออุปสรรคเพิ่มในวันพฤหัสบดี (26ก.ย.) หลังขบวนการแบ่งแยกดินแดนยิงจรวดใส่เฮลิคอปเตอร์บรรเทาทุกข์ของรัฐบาล ขณะชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลชุมนุมประท้วง ครวญรอดจากธรณีพิโรธแต่กำลังจะตายเพราะขาดน้ำและอาหาร โดยล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 350 ราย
ประชาชนกว่า 100,000 คนไร้ที่อยู่จากแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.7 เมื่อบ่ายวันอังคาร (24) และต้องนอนกลางแจ้งหรือในที่หลบภัยชั่วคราวเป็นคืนที่ 2 เนื่องจากทีมบรรเทาทุกข์ยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ประสบเหตุ ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ห่างไกลในแคว้นบาลูจิสถาน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน
สำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ แถลงในเมืองหลวงอิสลามาบัด ตอนช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 355 คน และบาดเจ็บอีก 619 คน โดยในจำนวนผู้สิ้นชีวิตนั้น 311 รายอยู่ในเขตอวารัน ซึ่งเป็นพื้นที่เผชิญภัยพิบัติคราวนี้อย่างหนักหน่วงที่สุด และอีก 44 รายอยู่ในเขตเคช ซึ่งอยู่ติดต่อกัน
นอกจากอุปสรรคจากสภาพภูมิประเทศแล้ว ปฏิบัติการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยคราวนี้ ยังเผชิญอันตรายจากขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ต่อสู้กับรัฐบาลปากีสถานมาหลายปี โดยเมื่อวันพฤหัสบดี กลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ได้ยิงจรวดสองลูกเข้าใส่เฮลิคอปเตอร์ ที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล เป็นต้นว่า ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ และนายทหารระดับพลเอกที่ดูแลปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ โดยสารมาด้วย
อย่างไรก็ดี จรวดทั้งสองลูกพลาดเป้าและไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บอะไร
วันเดียวกันก่อนที่จะเกิดการโจมตี เชาธรี ไนซาร์ อาลี ข่าน รัฐมนตรีมหาดไทยของปากีสถาน แถลงต่อรัฐสภาว่า หน่วยกู้ภัยปฏิบัติภารกิจอย่างยากลำบากในบางพื้นที่เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย
กระนั้น กองทัพได้ส่งทหาร เจ้าหน้าที่แพทย์ และเฮลิคอปเตอร์ไปร่วมปฏิบัติการกู้ภัย รวมถึงอาหาร 7 ตันและเวชภัณฑ์ 1 ตัน
ประชาชนกว่า 100,000 คนไร้ที่อยู่จากแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.7 เมื่อบ่ายวันอังคาร (24) และต้องนอนกลางแจ้งหรือในที่หลบภัยชั่วคราวเป็นคืนที่ 2 เนื่องจากทีมบรรเทาทุกข์ยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ประสบเหตุ ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ห่างไกลในแคว้นบาลูจิสถาน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน
สำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ แถลงในเมืองหลวงอิสลามาบัด ตอนช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีว่า ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 355 คน และบาดเจ็บอีก 619 คน โดยในจำนวนผู้สิ้นชีวิตนั้น 311 รายอยู่ในเขตอวารัน ซึ่งเป็นพื้นที่เผชิญภัยพิบัติคราวนี้อย่างหนักหน่วงที่สุด และอีก 44 รายอยู่ในเขตเคช ซึ่งอยู่ติดต่อกัน
นอกจากอุปสรรคจากสภาพภูมิประเทศแล้ว ปฏิบัติการกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยคราวนี้ ยังเผชิญอันตรายจากขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ต่อสู้กับรัฐบาลปากีสถานมาหลายปี โดยเมื่อวันพฤหัสบดี กลุ่มติดอาวุธเหล่านี้ได้ยิงจรวดสองลูกเข้าใส่เฮลิคอปเตอร์ ที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล เป็นต้นว่า ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ และนายทหารระดับพลเอกที่ดูแลปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ โดยสารมาด้วย
อย่างไรก็ดี จรวดทั้งสองลูกพลาดเป้าและไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บอะไร
วันเดียวกันก่อนที่จะเกิดการโจมตี เชาธรี ไนซาร์ อาลี ข่าน รัฐมนตรีมหาดไทยของปากีสถาน แถลงต่อรัฐสภาว่า หน่วยกู้ภัยปฏิบัติภารกิจอย่างยากลำบากในบางพื้นที่เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย
กระนั้น กองทัพได้ส่งทหาร เจ้าหน้าที่แพทย์ และเฮลิคอปเตอร์ไปร่วมปฏิบัติการกู้ภัย รวมถึงอาหาร 7 ตันและเวชภัณฑ์ 1 ตัน
