ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจทัศนะของชาวนาเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ระหว่างวันที่ 2-14 กันยายน ที่ผ่านมา กว่า 1,200 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการ และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถซื้อทรัพย์สินเพิ่มขึ้น เช่น ที่ดิน รถยนต์ หนี้สินลดลง และมีเงินออมมากขึ้น
ทั้งนี้ 2 ปีที่ผ่านมา ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 40,000-60,000 บาทต่อครัวเรือน และมีชาวนากว่า 2 ล้านครัวเรือน ได้ประโยชน์ คิดเป็นเม็ดเงินที่ถึงมือชาวนา 100,000 ล้านบาท ขณะที่รัฐใช้เงินอุดหนุนโครงการนี้ ปีละกว่า 300,000 ล้านบาท
แม้ว่าโครงการนี้จะกระทบการส่งออกข้าว แต่ชาวนาไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะยกเลิกโครงการ และพร้อมที่จะเคลื่อนไหว ซึ่งการแก้ไขปัญหาส่งออกข้าวเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องหาแนวทางช่วยเหลือผู้ส่งออก
ส่วนการปรับเงื่อนไขรับจำนำข้าวนาปีฤดูกาลใหม่ วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ตันละ 15,000 บาท จำกัดครัวเรือน วงเงิน 350,000 บาท และนาปรัง ตันละ 13,000 บาท จำกัดวงเงินไม่เกิน 300,000 บาท เพื่อลดภาระทางการคลัง ชาวนาส่วนใหญ่ระบุว่า รับได้
ขณะที่การสอบถามความเห็นจากผู้ประกอบการ 135 ตัวอย่าง ร้อยละ 44 ระบุว่า ส่งออกข้าวได้ลดลง เนื่องจากราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ ข้าวยังมีคุณภาพแย่ลงด้วย
ทั้งนี้ 2 ปีที่ผ่านมา ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 40,000-60,000 บาทต่อครัวเรือน และมีชาวนากว่า 2 ล้านครัวเรือน ได้ประโยชน์ คิดเป็นเม็ดเงินที่ถึงมือชาวนา 100,000 ล้านบาท ขณะที่รัฐใช้เงินอุดหนุนโครงการนี้ ปีละกว่า 300,000 ล้านบาท
แม้ว่าโครงการนี้จะกระทบการส่งออกข้าว แต่ชาวนาไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะยกเลิกโครงการ และพร้อมที่จะเคลื่อนไหว ซึ่งการแก้ไขปัญหาส่งออกข้าวเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องหาแนวทางช่วยเหลือผู้ส่งออก
ส่วนการปรับเงื่อนไขรับจำนำข้าวนาปีฤดูกาลใหม่ วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ตันละ 15,000 บาท จำกัดครัวเรือน วงเงิน 350,000 บาท และนาปรัง ตันละ 13,000 บาท จำกัดวงเงินไม่เกิน 300,000 บาท เพื่อลดภาระทางการคลัง ชาวนาส่วนใหญ่ระบุว่า รับได้
ขณะที่การสอบถามความเห็นจากผู้ประกอบการ 135 ตัวอย่าง ร้อยละ 44 ระบุว่า ส่งออกข้าวได้ลดลง เนื่องจากราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ ข้าวยังมีคุณภาพแย่ลงด้วย
