พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ยืนยันว่า แม้วันนี้เป็นวันสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือคลื่น 1800 MHz ระหว่าง บมจ. กสท โทรคมนาคม (CAT) กับ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด (True Move) และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด (DPC) ประชาชนผู้ใช้บริการรวมถึงภาคธุรกิจที่นำไปประยุกต์ใช้งาน เช่น ตู้เอทีเอ็ม ภาคธุรกิจ ภาคโลจิสติกส์ รวมทั้งสิ้น 17-18 ล้านเลขหมาย จะยังคงใช้งานได้ตามปกติ และมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดอายุการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. …. ซึ่งใช้ในการเยียวผู้ใช้บริการในระบบ 1800 MHz จะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต่อเนื่องไปอีก 1 ปี
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ในช่วงระหว่าง 1 ปีของการเยียวยานี้ เป็นสิทธิที่ผู้ใช้บริการทั้งหมด สามารถเลือกและทยอยย้ายไปใช้บริการในระบบ 3จี 2100 MHz ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าว แนวโน้มอุปกรณ์ในระบบ 3 จี ได้รับแจ้งจากผู้จำหน่ายว่า จะมีราคาลดลงในระดับใกล้เคียงระบบ 2จี หรือระบบ 1800 MHz เดิม โดยจะอยู่ประมาณ 600-700 บาทต่อเครื่อง
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการย้ายออกไปภายในช่วงเวลาเยียวยาจะไม่สามารถใช้บริการได้อีกต่อไป โดยจะมีมาตรการเตือน และหยุดให้บริการหลังสิ้นสุดมาตรการเยียวยา เพราะ กสทช. จะนำไปเปิดประมูลรายใหม่เข้ามาให้บริการ ซึ่งคลื่น 1800 MHz นี้เหมาะที่จะรองรับระบบ 4 จีด้วย
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า บริษัท ทรูมูฟ จำกัด และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด จะส่งแผนตามมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดอายุสัมปทานคลื่น 1800 MHz มาให้กับ กสทช.ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยครอบคลุม 4 ส่วนหลักคือ 1. ข้อมูลการให้บริการ เช่น ข้อมูลผู้ใช้บริการ จำนวนคงค้างในระบบ 2.แผนงานประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการทราบถึงการสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน 3.แผนงานส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เลือกปฏิบัติ และเป็นไปอย่างทั่วถึง 4.ค่าใช้จ่ายในการให้บริการ และภาระที่เกิดขึ้นจากการที่ต้องรักษาคุณภาพมาตรฐานในขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการลดลงตลอดเวลา
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ในช่วงระหว่าง 1 ปีของการเยียวยานี้ เป็นสิทธิที่ผู้ใช้บริการทั้งหมด สามารถเลือกและทยอยย้ายไปใช้บริการในระบบ 3จี 2100 MHz ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าว แนวโน้มอุปกรณ์ในระบบ 3 จี ได้รับแจ้งจากผู้จำหน่ายว่า จะมีราคาลดลงในระดับใกล้เคียงระบบ 2จี หรือระบบ 1800 MHz เดิม โดยจะอยู่ประมาณ 600-700 บาทต่อเครื่อง
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการย้ายออกไปภายในช่วงเวลาเยียวยาจะไม่สามารถใช้บริการได้อีกต่อไป โดยจะมีมาตรการเตือน และหยุดให้บริการหลังสิ้นสุดมาตรการเยียวยา เพราะ กสทช. จะนำไปเปิดประมูลรายใหม่เข้ามาให้บริการ ซึ่งคลื่น 1800 MHz นี้เหมาะที่จะรองรับระบบ 4 จีด้วย
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า บริษัท ทรูมูฟ จำกัด และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด จะส่งแผนตามมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดอายุสัมปทานคลื่น 1800 MHz มาให้กับ กสทช.ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยครอบคลุม 4 ส่วนหลักคือ 1. ข้อมูลการให้บริการ เช่น ข้อมูลผู้ใช้บริการ จำนวนคงค้างในระบบ 2.แผนงานประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการทราบถึงการสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน 3.แผนงานส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ย้ายค่ายเบอร์เดิม) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เลือกปฏิบัติ และเป็นไปอย่างทั่วถึง 4.ค่าใช้จ่ายในการให้บริการ และภาระที่เกิดขึ้นจากการที่ต้องรักษาคุณภาพมาตรฐานในขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการลดลงตลอดเวลา