นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางลงพื้นที่ จ.ชัยนาท เพื่อรับฟังแนวทางในการบริหารน้ำ และติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา กรมชลประทาน
รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ล่าสุด (30 ส.ค.) มีปริมาณน้ำรวมกัน จำนวน 40,265 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯ ขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด สามารถรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ได้อีกกว่า 29,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ กรมชลประทานยังคงเน้นการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาวะฝนที่ตกลงมา ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้าที่จะถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 503 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 6.50 เมตร และที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 188 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยายังอยู่ในภาวะปกติ
สำหรับมาตรการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาในระยะตลอดสัปดาห์นี้ไปจนถึงสัปดาห์หน้า เนื่องจากที่ผ่านมาปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ตอนบนยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างน้อย และตกยังไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณเหนือเขื่อน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนน้อยตามไปด้วย
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และไม่ส่งผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งไม่เป็นข้อจำกัดในการระบายน้ำจากเขื่อนที่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวม ซึ่งในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ คาดว่า จะมีปริมาณน้ำน้ำท่าตามธรรมชาติจากพื้นที่ตอนบน เพียงพอต่อการใช้น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จึงจำเป็นที่จะต้องลดการใช้น้ำจากเขื่อน ประกอบกับในปีนี้ปริมาณน้ำต้นทุนน้อย เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต การใช้น้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ต้องมีการใช้น้ำให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ล่าสุด (30 ส.ค.) มีปริมาณน้ำรวมกัน จำนวน 40,265 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่างฯ ขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด สามารถรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ได้อีกกว่า 29,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ กรมชลประทานยังคงเน้นการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาวะฝนที่ตกลงมา ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้าที่จะถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 503 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 6.50 เมตร และที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 188 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยายังอยู่ในภาวะปกติ
สำหรับมาตรการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาในระยะตลอดสัปดาห์นี้ไปจนถึงสัปดาห์หน้า เนื่องจากที่ผ่านมาปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ตอนบนยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างน้อย และตกยังไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณเหนือเขื่อน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนน้อยตามไปด้วย
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และไม่ส่งผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งไม่เป็นข้อจำกัดในการระบายน้ำจากเขื่อนที่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวม ซึ่งในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ คาดว่า จะมีปริมาณน้ำน้ำท่าตามธรรมชาติจากพื้นที่ตอนบน เพียงพอต่อการใช้น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จึงจำเป็นที่จะต้องลดการใช้น้ำจากเขื่อน ประกอบกับในปีนี้ปริมาณน้ำต้นทุนน้อย เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต การใช้น้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ต้องมีการใช้น้ำให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
