นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เลขาธิการสำนักงานนโยบายบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.)ในฐานะรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแลดล้อม (ทส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเก็บกู้และขจัดคราบน้ำมันรั่วบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง ของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC บริษัทในกลุ่ม ปตท. ช่วง 5 วันที่ผ่านมา ว่า สถานการณ์คราบน้ำมันลอยบนผิวน้ำและชายหาดเริ่มดีขึ้นมากแล้วเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม จากความร่วมมือของหลายๆหน่วยงานส่งเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เข้ามาช่วยเหลือในการขจัดคราบน้ำมันให้หมดโดยเร็วที่สุด ก่อนจะเป็นอันตรายต่อทรัพยากรทางทะเล สุขภาพประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ และความเสียหายของระบบเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทยบนเกาะเสม็ดบางส่วน ด้วยการใช้จุลินทรีย์ที่ใช้ย่อยสลายน้ำมันมีประสิทธิภาพอย่างมากด้วยการฉีดพ่นสารนี้ โดยนำมาใช้แทนคนตักคราบน้ำมันจากทรายออกไปใช้เวลาสลายคราบน้ำมันได้ไม่เกินประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะมีการฉีดสารดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อเก็บคราบน้ำมันที่ตกค้างให้หมด คาดว่า ไม่เกิน 1-2 วันจะขจัดคราบน้ำมันได้ทั้งหมดแน่นอนในส่วนการฟื้นฟูชายหาด
ขณะที่การฟื้นฟูระบบนิเวศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) อยู่ระหว่างจัดทำแผนอย่างละเอียดแยกเป็นรายประเภทที่ต้องเร่งฟื้นฟู เช่น ปะการัง สัตว์ทะเล ขณะนี้ได้ปฏิบัติตามประกาศพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 เกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ทั้งประกาศของ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.)กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.)โดยได้รับความร่วมมือจากทหารของกองทัพเรือจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยฉีดสารจุลลินทรีย์ประมาณ 200 นายต่อวัน
ขณะที่การฟื้นฟูระบบนิเวศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) อยู่ระหว่างจัดทำแผนอย่างละเอียดแยกเป็นรายประเภทที่ต้องเร่งฟื้นฟู เช่น ปะการัง สัตว์ทะเล ขณะนี้ได้ปฏิบัติตามประกาศพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 เกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ทั้งประกาศของ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.)กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.)โดยได้รับความร่วมมือจากทหารของกองทัพเรือจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยฉีดสารจุลลินทรีย์ประมาณ 200 นายต่อวัน