ศาลฎีกาพิพากษายืน ไม่รับคำร้องในคดีที่ น.ส.มัสตะ เจะอูมา พร้อมพวกรวม 34 คน ซึ่งเป็นญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตากใบ จ.นราธิวาส ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งไต่สวนการตายของศาลจังหวัดสงขลา เนื่องจากเห็นว่า เป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ทั้งนี้ ศาลฎีกา พิเคราะห์แล้วเห็นว่า หากจะมีการกล่าวอ้าง เพื่อขอให้เพิกถอน หรือคัดค้าน จะต้องยื่นต่อศาลชั้นต้นที่พิจารณาคดีนั้น ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ดังนั้น น.ส.มัสตะ กับพวกจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อพิจารณาคดีขึ้นใหม่ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นด้วย ฎีกาฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ทั้งนี้ คดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2552 มีคำสั่งยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่า ศาลอาญาไม่มีอำนาจรับสำนวนไว้พิจารณา และหากจะมีการยื่นคัดค้าน ต้องยื่นศาลจังหวัดสงขลา ต่อมาญาติได้ยื่นอุทธรณ์ค้านคำสั่งศาลอาญาดังกล่าว แต่ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง ญาติจึงได้ยื่นฎีกา
ทั้งนี้ ศาลฎีกา พิเคราะห์แล้วเห็นว่า หากจะมีการกล่าวอ้าง เพื่อขอให้เพิกถอน หรือคัดค้าน จะต้องยื่นต่อศาลชั้นต้นที่พิจารณาคดีนั้น ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ดังนั้น น.ส.มัสตะ กับพวกจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อพิจารณาคดีขึ้นใหม่ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นด้วย ฎีกาฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ทั้งนี้ คดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2552 มีคำสั่งยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่า ศาลอาญาไม่มีอำนาจรับสำนวนไว้พิจารณา และหากจะมีการยื่นคัดค้าน ต้องยื่นศาลจังหวัดสงขลา ต่อมาญาติได้ยื่นอุทธรณ์ค้านคำสั่งศาลอาญาดังกล่าว แต่ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง ญาติจึงได้ยื่นฎีกา