ทีมทนายความ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด เข้าพบอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ตามนัดฟังคำสั่งของคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ส่งสำนวนคดีที่มีความเห็นสั่งฟ้อง กรณีต่อสัญญาสัมปทานบีทีเอส รวมทั้งหมด 9 คน โดยทนายความชี้แจงว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และผู้บริหารกรุงเทพมหานครติดราชการ ไม่สามารถมาฟังคำสั่งด้วยตัวเองได้ ขณะที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ ขอเลื่อนการพิจารณาในความเห็นว่า จะฟ้องหรือไม่ ออกไปเป็นวันที่ 26 กรกฎาคม เวลา 09.00 น.เนื่องจากต้องพิจารณาสำนวนคดีอีกหลายประเด็น
สำหรับคดีนี้ดีเอสไอได้มีการสอบสวน และแจ้งความผิดกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ รวมถึงผู้บริหาร และอดีตผู้บริหารกรุงเทพมหานคร พร้อมประธานคณะกรรมการ กรรมการผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ในความผิดต่อสัญญาสัมปทานบีทีเอส รวมกันประกอบกิจการค้าขาย อันเป็นสาธารณูปโภค หรือ กิจการรถราง โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อันเป็นความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 พ.ศ.2515 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยก่อนหน้านี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ระบุว่า ได้มีการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เนื่องจากทางดีเอสไอไม่ได้รับฟังพยานหลักฐาน และเหตุผลบางอย่าง ที่กรุงเทพมหานครส่งมอบให้ โดยทางดีเอสไอได้พิจารณาแค่ประกาศของคณะปฏิวัติเท่านั้น
สำหรับคดีนี้ดีเอสไอได้มีการสอบสวน และแจ้งความผิดกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ รวมถึงผู้บริหาร และอดีตผู้บริหารกรุงเทพมหานคร พร้อมประธานคณะกรรมการ กรรมการผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ในความผิดต่อสัญญาสัมปทานบีทีเอส รวมกันประกอบกิจการค้าขาย อันเป็นสาธารณูปโภค หรือ กิจการรถราง โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อันเป็นความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 พ.ศ.2515 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยก่อนหน้านี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ระบุว่า ได้มีการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เนื่องจากทางดีเอสไอไม่ได้รับฟังพยานหลักฐาน และเหตุผลบางอย่าง ที่กรุงเทพมหานครส่งมอบให้ โดยทางดีเอสไอได้พิจารณาแค่ประกาศของคณะปฏิวัติเท่านั้น