นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวภายหลังรับสำนวนการสอบสวนในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันก่อเหตุให้ผู้อื่นฆ่า และพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นำสำนวนการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ และการบาดเจ็บสาหัสของนายสมร ไหมทอง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มาส่งมอบให้กับตนเองพิจารณาในความเห็นในคดี และเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อพิจารณาคดี โดยมีตนเองเป็นหัวหน้าคณะทำงาน และเจ้าหน้าที่อีก 5 คน ร่วมพิจารณา พร้อมกับนัดฟังการสั่งคดีอีกครั้ง ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้
ทั้งนี้ นายวินัย ยอมรับว่า ในการพิจารณาคดีนี้มีความหนักใจอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับกดดัน โดยยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ยึดตามนโยบายของอัยการสูงสุดที่ให้ไว้ว่าในการพิจารณาสั่งคดีให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ มีความเที่ยงธรรมเป็นกลาง ไม่นำแรงกดดันทางการเมืองมาเป็นปัจจัยในการพิจารณาคดี และผลของการสั่งคดีจะออกมาในรูปแบบใดต้องสามารถอธิบายเหตุผล และตอบสังคมให้ได้
ทั้งนี้ นายวินัย ยอมรับว่า ในการพิจารณาคดีนี้มีความหนักใจอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับกดดัน โดยยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ยึดตามนโยบายของอัยการสูงสุดที่ให้ไว้ว่าในการพิจารณาสั่งคดีให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ มีความเที่ยงธรรมเป็นกลาง ไม่นำแรงกดดันทางการเมืองมาเป็นปัจจัยในการพิจารณาคดี และผลของการสั่งคดีจะออกมาในรูปแบบใดต้องสามารถอธิบายเหตุผล และตอบสังคมให้ได้