อินโดนีเซียกล่าวหาสิงคโปร์ในวันพฤหัสบดี(20 มิ.ย.)ว่า “ทำตัวเป็นเด็ก” เรื่องควันพิษจากการลักลอบเผาป่าบนเกาะสุมาตรา ซึ่งขณะนี้กำลังทำให้เกิดวิกฤตมลภาวะครั้งรุนแรงที่สุดในแดนลอดช่อง ด้านนายกฯ ลีเซียนลุง เตือนหมอกควันพิษอาจปกคลุมสิงคโปร์อีกหลายสัปดาห์ ย้ำไม่อยากต่อปากต่อคำ แต่พร้อมจัดส่งข้อมูลดาวเทียมเพื่อให้จาการ์ตาสามารถนำตัวผู้ลักลอบเผาป่ามารับผิดชอบ แทนการโยนบาปให้นักลงทุนต่างชาติ
ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านทบทวีขึ้น ในเวลาเดียวกับที่ดัชนีมลพิษทางอากาศของสิงคโปร์ก็พุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ระดับ 371 ในเวลาบ่ายโมงวันพฤหัสบดี ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับตอนเที่ยงในไทย) จากสถิติสูงสุดก่อนหน้าที่ทำไว้เมื่อคืนวันพุธ (19) นี้เองซึ่งอยู่ที่ 321
ทั้งนี้ ตามมาตรฐานของรัฐบาลสิงคโปร์ ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 300 ถือว่า “อันตราย” และถ้าเหนือ 400 ถือว่า “เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของผู้ป่วยและผู้สูงวัย”
ด้วยเหตุนี้ วิเวียน บาลากฤษณัน รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำของแดนลอดช่อง จึงเรียกร้องให้อินโดนีเซียมี “มาตรการเด็ดขาด” เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมที่รุนแรงที่สุดครั้งนี้ โดยระบุว่า “สิงคโปร์หมดความอดทน และแน่นอนว่าขณะนี้เรารู้สึกทั้งโกรธ ทั้งเครียดและกังวล”
ทางฝ่ายอินโดนีเซียซึ่งมีท่าทีขุ่นเคือง ได้สนองตอบด้วยการจัดประชุมฉุกเฉินระหว่างผู้แทนของ 2 ชาติขึ้นที่กรุงจาการ์ตาในวันพฤหัสบดีนั้นเอง และ แอนดริว ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้แทนของสิงคโปร์ แถลงภายหลังการหารือว่า เจ้าหน้าที่สิงคโปร์และอินโดนีเซียได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างตรงไปตรงมา
“สถานการณ์กำลังแย่ลง เราย้ำกับอินโดนีเซียว่า ถึงเวลาดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดแล้ว” เขาบอก
ทว่าแดนอิเหนาก็รู้สึกทนไม่ไหว้แล้วเช่นกัน อากุง ลัคโซโน รัฐมนตรีประสานงานของอินโดนีเซีย แถลงตอบโต้ว่า สิงคโปร์กำลังทำตัวเป็นเด็ก เนื่องจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่อินโดนีเซียต้องการ แต่เกิดจากธรรมชาติ และว่า อินโดนีเซียมีแผนทำฝนเทียมเพื่อดับไฟป่าบนเกาะสุมาตราในวันศุกร์ (21) แล้ว
ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านทบทวีขึ้น ในเวลาเดียวกับที่ดัชนีมลพิษทางอากาศของสิงคโปร์ก็พุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ระดับ 371 ในเวลาบ่ายโมงวันพฤหัสบดี ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับตอนเที่ยงในไทย) จากสถิติสูงสุดก่อนหน้าที่ทำไว้เมื่อคืนวันพุธ (19) นี้เองซึ่งอยู่ที่ 321
ทั้งนี้ ตามมาตรฐานของรัฐบาลสิงคโปร์ ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 300 ถือว่า “อันตราย” และถ้าเหนือ 400 ถือว่า “เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของผู้ป่วยและผู้สูงวัย”
ด้วยเหตุนี้ วิเวียน บาลากฤษณัน รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำของแดนลอดช่อง จึงเรียกร้องให้อินโดนีเซียมี “มาตรการเด็ดขาด” เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมที่รุนแรงที่สุดครั้งนี้ โดยระบุว่า “สิงคโปร์หมดความอดทน และแน่นอนว่าขณะนี้เรารู้สึกทั้งโกรธ ทั้งเครียดและกังวล”
ทางฝ่ายอินโดนีเซียซึ่งมีท่าทีขุ่นเคือง ได้สนองตอบด้วยการจัดประชุมฉุกเฉินระหว่างผู้แทนของ 2 ชาติขึ้นที่กรุงจาการ์ตาในวันพฤหัสบดีนั้นเอง และ แอนดริว ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้แทนของสิงคโปร์ แถลงภายหลังการหารือว่า เจ้าหน้าที่สิงคโปร์และอินโดนีเซียได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างตรงไปตรงมา
“สถานการณ์กำลังแย่ลง เราย้ำกับอินโดนีเซียว่า ถึงเวลาดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดแล้ว” เขาบอก
ทว่าแดนอิเหนาก็รู้สึกทนไม่ไหว้แล้วเช่นกัน อากุง ลัคโซโน รัฐมนตรีประสานงานของอินโดนีเซีย แถลงตอบโต้ว่า สิงคโปร์กำลังทำตัวเป็นเด็ก เนื่องจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่อินโดนีเซียต้องการ แต่เกิดจากธรรมชาติ และว่า อินโดนีเซียมีแผนทำฝนเทียมเพื่อดับไฟป่าบนเกาะสุมาตราในวันศุกร์ (21) แล้ว
