นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากรณีการจ่ายเงินค่าบำรุงพรรคการเมืองให้กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยวิธีให้สภาผู้แทนราษฎรหักเงินเดือน ส.ส.เข้าบัญชีพรรค ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.พรรคการเมือง
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าการบริจาคเป็นเงินที่หักจากเงินเดือน ส.ส. โดยผ่านสภาผู้เเทนราษฎรถูกต้องตามกฎหมาย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีความเห็นชอบแล้ว พร้อมระบุว่า กรณีดังกล่าวไม่มีประเด็นเพียงพอที่จะหยิบยกเป็นเรื่องความผิด เนื่องจากเงินบริจาคได้หักจากเงิน และผ่านสภาผู้เเทนราษฎรเป็นผู้หัก ซึ่ง กกต.ไม่ได้ทักท้วง จึงเห็นว่าเป็นกระบวนการที่สมเหตุสมผล ทั้งนี้พร้อมนำเอกสารหลักฐานยื่นภายใน 30 วัน
พรรคประชาธิปัตย์ใช้วิธีหักเงินเข้าพรรคด้วยการหักเงินจากบัญชีเงินเดือน ส.ส.เดือนละ 20,000 บาท ตั้งแต่ปี 2551 - 2554 รวมเป็นเงิน 15,000,000 บาท ซึ่งตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 57 วรรค 2 ระบุว่าการบริจาคเงินแก่พรรคการเมืองตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป จะต้องบริจาคโดยวิธีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงิน หรือ เช็กขีดคร่อม หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่น้อยกว่า 3 เท่าของจำนวนทรัพย์สิน หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปีด้วย ซึ่งขณะนี้ยังเหลือ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 22 คน ในการเข้าให้ปากคำเกี่ยวกับคดีนี้
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าการบริจาคเป็นเงินที่หักจากเงินเดือน ส.ส. โดยผ่านสภาผู้เเทนราษฎรถูกต้องตามกฎหมาย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีความเห็นชอบแล้ว พร้อมระบุว่า กรณีดังกล่าวไม่มีประเด็นเพียงพอที่จะหยิบยกเป็นเรื่องความผิด เนื่องจากเงินบริจาคได้หักจากเงิน และผ่านสภาผู้เเทนราษฎรเป็นผู้หัก ซึ่ง กกต.ไม่ได้ทักท้วง จึงเห็นว่าเป็นกระบวนการที่สมเหตุสมผล ทั้งนี้พร้อมนำเอกสารหลักฐานยื่นภายใน 30 วัน
พรรคประชาธิปัตย์ใช้วิธีหักเงินเข้าพรรคด้วยการหักเงินจากบัญชีเงินเดือน ส.ส.เดือนละ 20,000 บาท ตั้งแต่ปี 2551 - 2554 รวมเป็นเงิน 15,000,000 บาท ซึ่งตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 57 วรรค 2 ระบุว่าการบริจาคเงินแก่พรรคการเมืองตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป จะต้องบริจาคโดยวิธีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงิน หรือ เช็กขีดคร่อม หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่น้อยกว่า 3 เท่าของจำนวนทรัพย์สิน หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปีด้วย ซึ่งขณะนี้ยังเหลือ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 22 คน ในการเข้าให้ปากคำเกี่ยวกับคดีนี้
