นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีการคลัง เป็นประธานการประชุมร่วม เพื่อแก้ปัญหาค่าเงินบาท โดยมี นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คณะกรรมการนโยบายการเงิน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปลัดพาณิชย์ ปลัดการคลัง และภาคเอกชน ทั้งประธานสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า และประธานสมาคมธนาคารไทย เพื่อเข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล และหารือผลกระทบของสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่า จนกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ทำเนียบรัฐบาล
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวก่อนการประชุมว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลกันอย่างเต็มที่ คาดว่าจะเป็นผลดีที่ทำให้แนวโน้มค่าเงินบาทเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะว่าถ้าหากประสานงานร่วมกัน และทันถ่วงที การดูแลไม่ทิ้งช่วงเกินไปจะทำให้ค่าเงินบาทกลับมาใกล้เคียงกับสกุลเงินในภูมิภาคได้ โดยปัจจุบันเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงมาใกล้เคียง 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเริ่มใกล้เคียงภาวะปกติ หากไม่ผันผวน และเคลื่อนไหวในระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกไตรมาสที่ 2 จะดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ 1 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.3
ทั้งนี้เอกชนคาดหวังให้เงินบาทเคลื่อนไหวเทียบเท่ากับประเทศคู่ค้า และคู่แข่ง มีเสถียรภาพไม่ผันผวน ซึ่งอาจจะใช้มาตรการดอกเบี้ย หรือ ผสมผสานกับมาตรการอื่นๆ ก็ได้ แต่ขอให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวมีเสถียรภาพ
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ถือว่า เป็นการประชุมครั้งแรกที่มี กนง.เข้าร่วมด้วย หลังจากที่มีกระแสกดดันทั้งฝ่ายการเมือง และเอกชน ที่ต้องการให้ กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 1 จากระดับปัจจุบันที่อยู่ร้อยละ 2.75 ขณะที่แบงก์ชาติได้เสนอมาตรการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในการดูแลค่าเงินบาท โดยเฉพาะ 4 มาตรการสกัดการไหลเข้าของเงินทุน
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวก่อนการประชุมว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลกันอย่างเต็มที่ คาดว่าจะเป็นผลดีที่ทำให้แนวโน้มค่าเงินบาทเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะว่าถ้าหากประสานงานร่วมกัน และทันถ่วงที การดูแลไม่ทิ้งช่วงเกินไปจะทำให้ค่าเงินบาทกลับมาใกล้เคียงกับสกุลเงินในภูมิภาคได้ โดยปัจจุบันเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงมาใกล้เคียง 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเริ่มใกล้เคียงภาวะปกติ หากไม่ผันผวน และเคลื่อนไหวในระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกไตรมาสที่ 2 จะดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ 1 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.3
ทั้งนี้เอกชนคาดหวังให้เงินบาทเคลื่อนไหวเทียบเท่ากับประเทศคู่ค้า และคู่แข่ง มีเสถียรภาพไม่ผันผวน ซึ่งอาจจะใช้มาตรการดอกเบี้ย หรือ ผสมผสานกับมาตรการอื่นๆ ก็ได้ แต่ขอให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวมีเสถียรภาพ
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ถือว่า เป็นการประชุมครั้งแรกที่มี กนง.เข้าร่วมด้วย หลังจากที่มีกระแสกดดันทั้งฝ่ายการเมือง และเอกชน ที่ต้องการให้ กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 1 จากระดับปัจจุบันที่อยู่ร้อยละ 2.75 ขณะที่แบงก์ชาติได้เสนอมาตรการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในการดูแลค่าเงินบาท โดยเฉพาะ 4 มาตรการสกัดการไหลเข้าของเงินทุน
