นายสัมมา คีตะศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวในการสัมมนารายงานผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และพระนครศรีอยุธยา ระบุว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 4 เดือนแรกปีนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง โดยอาคารชุดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีทั้งหมด 142,100 หน่วย ยังสร้างไม่เสร็จ 99,500 หน่วย ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ
ส่วนคอนโดมิเนียมที่ยังขายไม่ออก คิดเป็นร้อยละ 29 หรือประมาณ 40,700 หน่วย ส่วนใหญ่เป็นแบบ 1 ห้องนอน ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็มีโครงการเปิดขายใหม่ อันดับ 1 อยู่ที่รังสิต จ.ปทุมธานี อันดับที่ 2 ฝั่งธนบุรี โดยเฉพาะเขตตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา
ขณะที่คอนโดมิเนียมเกิดใหม่ในหัวเมืองใหญ่ หลังจากที่มีหลายหน่วยงาน ทั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย เตือนไปยังภาคเอกชน ทำให้มีการชะลอโครงการคอนโดมิเนียมในหัวเมืองที่คาดว่าจะมีปริมาณเกินความต้องการ ได้แก่ ชลบุรี ขอนแก่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่งบางพื้นที่ คอนโดมิเนียมเติบโตเร็ว แต่การคมนาคมขนส่งยังไม่ดีพอ ประกอบกับแรงงานก่อสร้างที่มีไม่เพียงพอ คาดว่าจะทำให้โครงการส่งมอบล่าช้า เนื่องจากมีการแย่งผู้รับเหมากัน โดยเฉพาะในช่วงระหว่างรอการโอน ผู้บริโภคอาจจะเปลี่ยนใจ เพราะมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมาก
ส่วนคอนโดมิเนียมที่ยังขายไม่ออก คิดเป็นร้อยละ 29 หรือประมาณ 40,700 หน่วย ส่วนใหญ่เป็นแบบ 1 ห้องนอน ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็มีโครงการเปิดขายใหม่ อันดับ 1 อยู่ที่รังสิต จ.ปทุมธานี อันดับที่ 2 ฝั่งธนบุรี โดยเฉพาะเขตตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา
ขณะที่คอนโดมิเนียมเกิดใหม่ในหัวเมืองใหญ่ หลังจากที่มีหลายหน่วยงาน ทั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย เตือนไปยังภาคเอกชน ทำให้มีการชะลอโครงการคอนโดมิเนียมในหัวเมืองที่คาดว่าจะมีปริมาณเกินความต้องการ ได้แก่ ชลบุรี ขอนแก่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่งบางพื้นที่ คอนโดมิเนียมเติบโตเร็ว แต่การคมนาคมขนส่งยังไม่ดีพอ ประกอบกับแรงงานก่อสร้างที่มีไม่เพียงพอ คาดว่าจะทำให้โครงการส่งมอบล่าช้า เนื่องจากมีการแย่งผู้รับเหมากัน โดยเฉพาะในช่วงระหว่างรอการโอน ผู้บริโภคอาจจะเปลี่ยนใจ เพราะมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมาก
