นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการประชุมประจำปี สภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี ครั้งที่ 46 ที่ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชียของไทย ร่วมด้วยนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมด้วย โดยไทยได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ 2 ล้านล้านบาท และโครงการบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้านบาท ได้รับความสนใจจากผู้นำประเทศต่างๆ อย่างมาก
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังได้หารือกับผู้นำญี่ปุ่น เกี่ยวกับมาตรการผ่อนปรนนโยบายทางการเงิน หรือ QE ของญี่ปุ่น ว่า ประเทศในเอเชียส่วนใหญ่ยจอมรับแนวทางดังกล่าวของญี่ปุ่น ที่มีผลกระทบต่อเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเอเชียมีปริมาณเพิ่มขึ้น ดังนั้น ประเทศในภูมิภาคเอเชียต้องหามาตรการในการรับมือ เพราะทุกฝ่ายต่างเห็นด้วยกับมาตรการผ่อนปรนทางการเงิน เพราะในที่สุดแล้วจะทำให้เศรษฐกิจของโลกฟื้นตัวขึ้น และส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยในอนาคตด้วยเช่นกัน
ขณะที่ประเทศไทยมองว่า เงินที่จะใช้เป็นเงินลงทุนโดยตรงที่เข้ามาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลดำเนินการ จะส่งผลดีโดยรวมต่อระบบเศรษฐกิจไทยแน่นอน
ส่วนการแก้ปัญหาการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนระยะสั้น ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยกระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ค่าเงินบาทอยู่ในภาวะทรงตัว ประมาณที่ระดับ 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวด้วยว่า การเดินทางไปประชุมครั้งนี้ ระหว่างรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย มีการพูดคุยกันตามปกติ โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือประเด็นในการประชุมเอดีบีตามปกติ และไม่มีความขัดแย้งใดๆ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้กล่าวบนเวทีการประชุมเอดีบีครั้งนี้ ว่า ในปี 2556 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 เนื่องจากไทยได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนา
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังได้หารือกับผู้นำญี่ปุ่น เกี่ยวกับมาตรการผ่อนปรนนโยบายทางการเงิน หรือ QE ของญี่ปุ่น ว่า ประเทศในเอเชียส่วนใหญ่ยจอมรับแนวทางดังกล่าวของญี่ปุ่น ที่มีผลกระทบต่อเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเอเชียมีปริมาณเพิ่มขึ้น ดังนั้น ประเทศในภูมิภาคเอเชียต้องหามาตรการในการรับมือ เพราะทุกฝ่ายต่างเห็นด้วยกับมาตรการผ่อนปรนทางการเงิน เพราะในที่สุดแล้วจะทำให้เศรษฐกิจของโลกฟื้นตัวขึ้น และส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยในอนาคตด้วยเช่นกัน
ขณะที่ประเทศไทยมองว่า เงินที่จะใช้เป็นเงินลงทุนโดยตรงที่เข้ามาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลดำเนินการ จะส่งผลดีโดยรวมต่อระบบเศรษฐกิจไทยแน่นอน
ส่วนการแก้ปัญหาการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนระยะสั้น ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยกระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ค่าเงินบาทอยู่ในภาวะทรงตัว ประมาณที่ระดับ 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวด้วยว่า การเดินทางไปประชุมครั้งนี้ ระหว่างรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย มีการพูดคุยกันตามปกติ โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือประเด็นในการประชุมเอดีบีตามปกติ และไม่มีความขัดแย้งใดๆ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้กล่าวบนเวทีการประชุมเอดีบีครั้งนี้ ว่า ในปี 2556 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 เนื่องจากไทยได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนา
