นางพรรณี งามขำ รองผู้ว่าราชการ จ.ชัยนาท เป็นประธานเปิดการสัมมนาโครงการส่งเสริมสตรีให้มีส่วนร่วมทางการเมือง ที่เรือนรับรองสวนนกชัยนาท ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำ จ.ชัยนาท โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จากพื้นที่ อ.เมืองชัยนาทจำนวน 50 คน เข้าร่วมโครงการ
พ.ต.ต.อุทัย บุญรอด ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง จ.ชัยนาท กล่าวว่า ในการสัมมนาครั้งนี้ เพื่อให้ความรู้แก่สตรีผู้เข้าร่วม โครงการ โดยจะมุ่งเน้นสร้างแรงกระตุ้นให้สตรีได้ตระหนักถึงผลกระทบจากภาคการเมืองต่อชีวิตประจำวันของสตรียุคใหม่ ที่ในปัจจุบันมีความจำเป็นที่สตรีทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ และทุกวัยต้องปรับตัว เรียนรู้และเข้าใจบาทบาทของตนเองในการใช้ชีวิตในสังคมระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ทั้งการใช้สิทธิเลือกตั้ง การร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์การต่อต้านการทุจริตในการเลือกตั้ง และบทบาทการเป็นแกนนำเครือข่ายสร้างเสริมการมีส่วนร่วม ทางการเมืองของสตรีในชุมชนและสังคม ซึ่งการสัมมนาจะใช้เวลา 1 วัน โดยสตรีที่เข้าร่วมโครงการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ด้านนางพรรณี กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันสังคมไทยและสังคมโลกเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้สตรีได้มีโอกาสในการก้าวขึ้นมามีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองมาขึ้น จะเห็นได้จากผู้นำประเทศหลายๆ ประเทศที่เป็นผู้นำสตรี ดังนั้นจึงอยากให้สตรีที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 50 คน ได้นำความรู้ที่ได้รับกลับไปสร้างแนวร่วมและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสตรีทางการเมือง ทั้งระดับท้องถิ่นและการเมืองระดับประเทศต่อไป
พ.ต.ต.อุทัย บุญรอด ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง จ.ชัยนาท กล่าวว่า ในการสัมมนาครั้งนี้ เพื่อให้ความรู้แก่สตรีผู้เข้าร่วม โครงการ โดยจะมุ่งเน้นสร้างแรงกระตุ้นให้สตรีได้ตระหนักถึงผลกระทบจากภาคการเมืองต่อชีวิตประจำวันของสตรียุคใหม่ ที่ในปัจจุบันมีความจำเป็นที่สตรีทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ และทุกวัยต้องปรับตัว เรียนรู้และเข้าใจบาทบาทของตนเองในการใช้ชีวิตในสังคมระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ทั้งการใช้สิทธิเลือกตั้ง การร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์การต่อต้านการทุจริตในการเลือกตั้ง และบทบาทการเป็นแกนนำเครือข่ายสร้างเสริมการมีส่วนร่วม ทางการเมืองของสตรีในชุมชนและสังคม ซึ่งการสัมมนาจะใช้เวลา 1 วัน โดยสตรีที่เข้าร่วมโครงการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ด้านนางพรรณี กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันสังคมไทยและสังคมโลกเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้สตรีได้มีโอกาสในการก้าวขึ้นมามีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองมาขึ้น จะเห็นได้จากผู้นำประเทศหลายๆ ประเทศที่เป็นผู้นำสตรี ดังนั้นจึงอยากให้สตรีที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 50 คน ได้นำความรู้ที่ได้รับกลับไปสร้างแนวร่วมและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสตรีทางการเมือง ทั้งระดับท้องถิ่นและการเมืองระดับประเทศต่อไป
