น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่ตนเองได้ไปกล่าวปาฐกถาต่อเวทีการประชุมประชาคมประชาธิปไตยที่ประเทศมองโกเลียเมื่อวานนี้นั้น เป็นการสะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ เพราะไม่ต้องการให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยอีก ซึ่งคงไม่ส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองร้อนแรง พร้อมปฏิเสธไม่ได้เป็นการลบล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพี่ชายที่ถูกทำรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ได้พูดไปนั้น เพื่อสะท้อนแนวทางประชาธิปไตย ซึ่งเวทีประชุมดังกล่าวมีผู้นำหลายประเทศที่อยู่ในประชาคมประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากประสบการณ์ที่ได้เจอม เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในแต่ละประเทศ โดยสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจคือ อยากให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า เพราะหากมีความเป็นประชาธิปไทยแล้ว จะสร้างความเชื่อมั่นในสายตาของนักลงทุน หากมีเวทีในเวทีอื่นๆ ต้องการให้ไปพูดอีกก็พร้อม แต่ขอดูช่วงจังหวะ เวลา และเหตุการณ์ที่เหมาะสม เพราะเรื่องการส่งเสริมประชาธิปไตยนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่รัฐบาลส่วนใหญ่ติดตามอยู่ และการที่ตนเองเดินทางไปราชการในต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน เพราะช่วงที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง หรือช่วงหลังเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 49 มีหลายประเทศที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับประเทศไทยมากนัก
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ได้พูดไปนั้น เพื่อสะท้อนแนวทางประชาธิปไตย ซึ่งเวทีประชุมดังกล่าวมีผู้นำหลายประเทศที่อยู่ในประชาคมประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากประสบการณ์ที่ได้เจอม เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในแต่ละประเทศ โดยสิ่งที่รัฐบาลตั้งใจคือ อยากให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า เพราะหากมีความเป็นประชาธิปไทยแล้ว จะสร้างความเชื่อมั่นในสายตาของนักลงทุน หากมีเวทีในเวทีอื่นๆ ต้องการให้ไปพูดอีกก็พร้อม แต่ขอดูช่วงจังหวะ เวลา และเหตุการณ์ที่เหมาะสม เพราะเรื่องการส่งเสริมประชาธิปไตยนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่รัฐบาลส่วนใหญ่ติดตามอยู่ และการที่ตนเองเดินทางไปราชการในต่างประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน เพราะช่วงที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง หรือช่วงหลังเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 49 มีหลายประเทศที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับประเทศไทยมากนัก