สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถาบันจัดอันดับด้านเครดิต "ฟิทซ์" ได้ปรับลดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของอังกฤษจากระดับทริปเปิลเอบวก (AAA+) เป็นดับเบิลเอบวก (AA+) หลังเมื่อเร็วๆ นี้ ได้เคยเตือนอังกฤษว่าอาจถูกฟิทซ์หั่นเครดิตลง ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปีที่แล้ว หลังจากอังกฤษได้มีการนำเสนองบประมาณต่อสภาอังกฤษ ขณะที่ฟิทซ์ ถือเป็นสถาบันจัดอันดับแห่งที่ 2 ที่ได้หั่นเครดิตความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของอังกฤษ หลังจากมูดีส์ได้หั่นเครดิตของอังกฤษในระดับเดียวกัน เมื่อช่วงก่อนหน้านี้ โดยฟิทซ์มองว่า อังกฤษมีสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตแย่
รายงานระบุว่า ฟิทซ์ให้เหตุผลการหั่นเครดิตความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจครั้งนี้ว่า เนื่องจากเศรษฐกิจอังกฤษมีหนี้สินภาครัฐเพิ่มสูงขึ้น และได้ลดการประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษในระดับ 1.5 เปอร์เซนต์ เหลือ 0.8 เปอร์เซนต์ ในปีนี้ และจาก 2 เปอร์เซนต์ ในปีหน้า เหลือ 1.8 เปอร์เซนต์ และว่า เศรษฐกิจอังกฤษไม่น่าจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเท่ากับระดับปี 2007 จนกว่าจะถึงปี 2014
ขณะที่การหั่นเครดิตครั้งนี้ ถือเป็นความเสียหน้าสำหรับกระทรวงการคลังอังกฤษ ซึ่งก่อนหน้าได้ถูกไอเอ็มเอฟกดดันให้เร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการผ่อนคลายมาตรการรัดเข็มขัด โดยนายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ชี้ว่า เขาจะปฎิเสธการเรียกร้องของไอเอ็มเอฟที่จะให้อังกฤษผ่อนคลายมาตรการรัดเข็มขัดที่มีมูลค่า 13,000 ล้านปอนด์
รายงานระบุว่า ฟิทซ์ให้เหตุผลการหั่นเครดิตความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจครั้งนี้ว่า เนื่องจากเศรษฐกิจอังกฤษมีหนี้สินภาครัฐเพิ่มสูงขึ้น และได้ลดการประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษในระดับ 1.5 เปอร์เซนต์ เหลือ 0.8 เปอร์เซนต์ ในปีนี้ และจาก 2 เปอร์เซนต์ ในปีหน้า เหลือ 1.8 เปอร์เซนต์ และว่า เศรษฐกิจอังกฤษไม่น่าจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเท่ากับระดับปี 2007 จนกว่าจะถึงปี 2014
ขณะที่การหั่นเครดิตครั้งนี้ ถือเป็นความเสียหน้าสำหรับกระทรวงการคลังอังกฤษ ซึ่งก่อนหน้าได้ถูกไอเอ็มเอฟกดดันให้เร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการผ่อนคลายมาตรการรัดเข็มขัด โดยนายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ชี้ว่า เขาจะปฎิเสธการเรียกร้องของไอเอ็มเอฟที่จะให้อังกฤษผ่อนคลายมาตรการรัดเข็มขัดที่มีมูลค่า 13,000 ล้านปอนด์