นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรวมมีผลกระทบต่อภาคการส่งออก แต่ยังเชื่อมั่นว่าค่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าขึ้นไปมากกว่าปัจจุบัน ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังสามารถผลักดันการส่งออกได้ดี โดยตามเป้าหมายการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 8-9 เปอร์เซ็นต์นั้น ขณะนี้ยังคงยืนยันว่าการส่งออกไทยจะยังโตตามเป้าหมายเดิม
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์กำหนดการประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) จากทั่วโลก ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อทบทวนและประเมินสถานการณ์การส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะมีการปรับลดตัวเลขการส่งออกตามสถานการณ์ปัจจุบันนี้หรือไม่ คงต้องรอผลการหารือกับทุกฝ่ายก่อน
สำหรับแนวทางการผลักดันการส่งออกในปีนี้กระทรวงพาณิชย์มีการกำหนดแนวทาง และยุทธศาสตร์ ตลอดจนการจัดกิจกรรมการกระตุ้นการส่งออก ซึ่งจะดำเนินการในลักษณะเข้มข้นและเชิงลึกมากขึ้น โดยกำหนดกิจกรรมกระตุ้นการส่งออกมากกว่า 500 ครั้ง ซึ่งในแต่ละกิจกรรมจะเน้นการทำตลาดการเจรจาธุรกิจ โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะเร่งทำตลาดแต่ละประเทศอย่างไร โดยเฉพาะตลาดใหม่ๆ
ด้านนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์จะหารือร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย โดยกระทรวงพาณิชย์จะรับฟังปัญหาการส่งออก โดยเฉพาะผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า รวมทั้งเอกชนต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนการส่งออก และใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้า (เอฟทีเอ) กับประเทศต่างๆ เนื่องจากเริ่มกังวลเกี่ยวกับเป้าหมายการส่งออกว่าจะลดลงอีก
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์กำหนดการประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) จากทั่วโลก ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อทบทวนและประเมินสถานการณ์การส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะมีการปรับลดตัวเลขการส่งออกตามสถานการณ์ปัจจุบันนี้หรือไม่ คงต้องรอผลการหารือกับทุกฝ่ายก่อน
สำหรับแนวทางการผลักดันการส่งออกในปีนี้กระทรวงพาณิชย์มีการกำหนดแนวทาง และยุทธศาสตร์ ตลอดจนการจัดกิจกรรมการกระตุ้นการส่งออก ซึ่งจะดำเนินการในลักษณะเข้มข้นและเชิงลึกมากขึ้น โดยกำหนดกิจกรรมกระตุ้นการส่งออกมากกว่า 500 ครั้ง ซึ่งในแต่ละกิจกรรมจะเน้นการทำตลาดการเจรจาธุรกิจ โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะเร่งทำตลาดแต่ละประเทศอย่างไร โดยเฉพาะตลาดใหม่ๆ
ด้านนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์จะหารือร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย โดยกระทรวงพาณิชย์จะรับฟังปัญหาการส่งออก โดยเฉพาะผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า รวมทั้งเอกชนต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนการส่งออก และใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้า (เอฟทีเอ) กับประเทศต่างๆ เนื่องจากเริ่มกังวลเกี่ยวกับเป้าหมายการส่งออกว่าจะลดลงอีก