นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ หรือรยส. กล่าวว่า พระราชกฤษฎีกาของกระทรวงสาธารณสุขได้มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งได้กำหนดให้ผู้ประกอบการโรงงานยาสูบต้องเปลี่ยนฉลากภาพผู้ได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่จากขนาดร้อยละ 55 เพิ่มเป็นร้อยละ 85 ของพื้นที่ซองบุหรี่
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ภายใน 1 ห่อใหญ่ หรือคอตตอน ต้องมีภาพเหล่านี้จำนวน 10 ซองที่ไม่ซ้ำกันกระจายอยู่ในห่อ
นายต่อศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า จากนี้ไปโรงงานยาสูบคงต้องปรับรูปแบบการพิมพ์ และทำการคัดเลือกรูปภาพมาติดกับซองบุหรี่ ซึ่งจะทำให้ตราสัญลักษณ์ รยส.ที่ติดกับซองบุหรี่ต้องมีขนาดเล็กลง โดยเริ่มทยอยปล่อยรูปบุหรี่ชุดใหม่ออกสู่ตลาดเร็วๆ นี้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนแนวทางใดๆ กับซองบุหรี่จะกระทบต่อยอดขายในช่วงแรกเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่จากนั้นระยะยาวพฤติกรรมการซื้อจะกลับมาเหมือนเดิม จึงมองว่าไม่กระทบต่อการส่งเงินเข้ารัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดส่งเงินเข้าคลังมากที่สุด โดยในปีนี้วางเป้าหมายส่งเงินเข้ารัฐจากการผลิตยาสูบ 32,000 ล้านมวนต่อปี เป็นรายได้ประมาณ 70,000 ล้านบาท ส่งเงินเข้าคลังประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ภายใน 1 ห่อใหญ่ หรือคอตตอน ต้องมีภาพเหล่านี้จำนวน 10 ซองที่ไม่ซ้ำกันกระจายอยู่ในห่อ
นายต่อศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า จากนี้ไปโรงงานยาสูบคงต้องปรับรูปแบบการพิมพ์ และทำการคัดเลือกรูปภาพมาติดกับซองบุหรี่ ซึ่งจะทำให้ตราสัญลักษณ์ รยส.ที่ติดกับซองบุหรี่ต้องมีขนาดเล็กลง โดยเริ่มทยอยปล่อยรูปบุหรี่ชุดใหม่ออกสู่ตลาดเร็วๆ นี้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนแนวทางใดๆ กับซองบุหรี่จะกระทบต่อยอดขายในช่วงแรกเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่จากนั้นระยะยาวพฤติกรรมการซื้อจะกลับมาเหมือนเดิม จึงมองว่าไม่กระทบต่อการส่งเงินเข้ารัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดส่งเงินเข้าคลังมากที่สุด โดยในปีนี้วางเป้าหมายส่งเงินเข้ารัฐจากการผลิตยาสูบ 32,000 ล้านมวนต่อปี เป็นรายได้ประมาณ 70,000 ล้านบาท ส่งเงินเข้าคลังประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาท
