วันนี้ (4เม.ย.) เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกแดง 1 ทำเนียบรัฐบาล นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ 4/2556 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ฯลฯ
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายปลอดประสพ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติแผนแม่บทการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าและระบบนิเวศ (25 ลุ่มน้ำ) วงเงิน 11,000 ล้านบาท โดยเป็นการดำเนินการฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำ-กลางน้ำที่มีสภาพป่าเสื่อมโทรม ซึ่งสามารถนำมาฟื้นฟู (อยู่ใน 8 ลุ่มน้ำหลัก และ 17 ลุ่มน้ำหลัก) และพื้นที่ปลายน้ำ ที่มีสภาพพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมโทรมหรือไม่มีสภาพป่าและพื้นที่ชายฝั่งทะเล (อยู่ใน 12 ลุ่มน้ำหลัก) ให้ฟื้นคืนสภาพป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่น้อยกว่า 1 ล้านไร่ ภายในระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี (2556-2560)
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 และเพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาเป็นกรอบแนวทางในการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตลอดจนเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ซึ่งปัจจุบันมีสภาพเสื่อมโทรมให้กลับคืนสู่ความสมบูรณ์และเกิดความสมดุลของระบบนิเวศเป็นแหล่งสำคัญในการดูดซับน้ำ ชะลอน้ำ ลดความรุนแรงการไหลของน้ำ รวมทั้งช่วยเกาะยึดและปกคลุมพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาภัยพิบัติจากดินถล่มหรือการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งจะส่งผลต่อการป้องกัน บรรเทาและลดความเสียหายที่เกิดจากอุทกภัยและภัยแล้ง และการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศ อีกทั้งเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างจิตสำนึกให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม เอกชน ชุมชนและประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟูและเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังอนุมัติแผนปฏิบัติการโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555 ระยะที่ 2
พร้อมเห็นชอบให้มีการแต่ตั้งคณะกรรมการระดับชาติ 2 คณะ คือ 1) คณะกรรมการนโยบายการบริหารโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555 (กนป.) โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ โดยมีอำนาจหน้าที่พิจารณากำหนดนโยบายและกรอบแนวทางการดำเนินงาน รวมทั้งอนุมัติโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555 ให้มีความสอดคล้องและเกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย
2) คณะกรรมการอำนวยการบริหารโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555 (กอป.) โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นประธานกรรมการฯ โดยมีอำนาจหน้าที่ในการอำนวยการและกำกับการบริหารโครงการฯ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล รวมทั้งให้มีคณะกรรมการฯ ระดับกระทรวง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย) ระดับกรมที่เกี่ยวข้อง และระดับจังหวัด ด้วย
อีกทั้งยังเห็นชอบให้หน่วยงานปฏิบัติ ระดับกระทรวง กรม และจังหวัดจัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการปลูกป่า เพื่อให้การดำเนินงานของส่วนราชการต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายได้รับผิดชอบโครงการปลูกป่าฯ และผู้ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนโครงการชลประทานพิษณุโลกฝั่งซ้าย ระยะที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก ของกรมชลประทาน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2556 ที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำเรื่องโครงการดังกล่าว เสนอ กบอ.พิจารณาอีกครั้งหนึ่งตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าเรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติเรื่องความเชื่อมโยงของโครงการ กับแผนงานหลักการบริหารจัดการน้ำของ กบอ. และสามารถตอบสนองและแก้ไขปัญหาในภาพรวมในเรื่องปริมาณ/สัดส่วนของน้ำที่จะไหลเข้าระบบ และสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและป้องกันน้ำท่วมอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร
ทั้งนี้ ที่ประชุม กบอ.ได้พิจารณาในเรื่องดังกล่าวแล้วเห็นว่า ร่างข้อกำหนดและขอบเขตงานด้านการปรับปรุงพื้นที่เกษตรชลประทานในพื้นที่โครงการชลประทานเหนือนครสวรรค์ เพื่อเก็บกักน้ำชั่วคราว ไม่ครอบคลุมพื้นที่โครงการชลประทานพิษณุโลกฝั่งซ้าย ระยะที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อกราบบังคมทูลรายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับการวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า นายกรัฐมนตรีและคณะ รู้สึกปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ และทรงพระราชทานแนวพระราชดำริในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและเรื่องแผนที่ เพื่อให้การนำแผนที่ไปใช้งานมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายปลอดประสพ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติแผนแม่บทการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าและระบบนิเวศ (25 ลุ่มน้ำ) วงเงิน 11,000 ล้านบาท โดยเป็นการดำเนินการฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำ-กลางน้ำที่มีสภาพป่าเสื่อมโทรม ซึ่งสามารถนำมาฟื้นฟู (อยู่ใน 8 ลุ่มน้ำหลัก และ 17 ลุ่มน้ำหลัก) และพื้นที่ปลายน้ำ ที่มีสภาพพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมโทรมหรือไม่มีสภาพป่าและพื้นที่ชายฝั่งทะเล (อยู่ใน 12 ลุ่มน้ำหลัก) ให้ฟื้นคืนสภาพป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่น้อยกว่า 1 ล้านไร่ ภายในระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี (2556-2560)
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 และเพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาเป็นกรอบแนวทางในการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตลอดจนเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ซึ่งปัจจุบันมีสภาพเสื่อมโทรมให้กลับคืนสู่ความสมบูรณ์และเกิดความสมดุลของระบบนิเวศเป็นแหล่งสำคัญในการดูดซับน้ำ ชะลอน้ำ ลดความรุนแรงการไหลของน้ำ รวมทั้งช่วยเกาะยึดและปกคลุมพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาภัยพิบัติจากดินถล่มหรือการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งจะส่งผลต่อการป้องกัน บรรเทาและลดความเสียหายที่เกิดจากอุทกภัยและภัยแล้ง และการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศ อีกทั้งเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างจิตสำนึกให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม เอกชน ชุมชนและประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟูและเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังอนุมัติแผนปฏิบัติการโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555 ระยะที่ 2
พร้อมเห็นชอบให้มีการแต่ตั้งคณะกรรมการระดับชาติ 2 คณะ คือ 1) คณะกรรมการนโยบายการบริหารโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555 (กนป.) โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ โดยมีอำนาจหน้าที่พิจารณากำหนดนโยบายและกรอบแนวทางการดำเนินงาน รวมทั้งอนุมัติโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555 ให้มีความสอดคล้องและเกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย
2) คณะกรรมการอำนวยการบริหารโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555 (กอป.) โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นประธานกรรมการฯ โดยมีอำนาจหน้าที่ในการอำนวยการและกำกับการบริหารโครงการฯ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล รวมทั้งให้มีคณะกรรมการฯ ระดับกระทรวง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย) ระดับกรมที่เกี่ยวข้อง และระดับจังหวัด ด้วย
อีกทั้งยังเห็นชอบให้หน่วยงานปฏิบัติ ระดับกระทรวง กรม และจังหวัดจัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการปลูกป่า เพื่อให้การดำเนินงานของส่วนราชการต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายได้รับผิดชอบโครงการปลูกป่าฯ และผู้ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนโครงการชลประทานพิษณุโลกฝั่งซ้าย ระยะที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก ของกรมชลประทาน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2556 ที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำเรื่องโครงการดังกล่าว เสนอ กบอ.พิจารณาอีกครั้งหนึ่งตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าเรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติเรื่องความเชื่อมโยงของโครงการ กับแผนงานหลักการบริหารจัดการน้ำของ กบอ. และสามารถตอบสนองและแก้ไขปัญหาในภาพรวมในเรื่องปริมาณ/สัดส่วนของน้ำที่จะไหลเข้าระบบ และสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและป้องกันน้ำท่วมอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร
ทั้งนี้ ที่ประชุม กบอ.ได้พิจารณาในเรื่องดังกล่าวแล้วเห็นว่า ร่างข้อกำหนดและขอบเขตงานด้านการปรับปรุงพื้นที่เกษตรชลประทานในพื้นที่โครงการชลประทานเหนือนครสวรรค์ เพื่อเก็บกักน้ำชั่วคราว ไม่ครอบคลุมพื้นที่โครงการชลประทานพิษณุโลกฝั่งซ้าย ระยะที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อกราบบังคมทูลรายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับการวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า นายกรัฐมนตรีและคณะ รู้สึกปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ และทรงพระราชทานแนวพระราชดำริในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและเรื่องแผนที่ เพื่อให้การนำแผนที่ไปใช้งานมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง
