นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า กรณีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เตรียมนำร่าง พ.ร.บ. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... หรือ พ.ร.บ.เงินกู้ วงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เข้าสู่สภาฯ นั้น เสมือนเป็นการทำรัฐประหารทางการเงินของประเทศ สถาปนาอำนาจเผด็จการเหนือรัฐธรรมนูญ ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 วรรคหนึ่ง ในเรื่องการจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำได้ก็เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ เว้นแต่เป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งกรณีนี้ไม่เข้าข่ายเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน สังคมต้องร่วมกันตรวจสอบเงื่อนงำ และวาระซ่อนเร้นของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ว่าใครได้ประโยชน์ เพราะเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท จะไม่ถูกใช้จ่ายผ่านระบบงบประมาณตามหลักปฏิบัติปกติ
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า หาก พ.ร.บ. 2 ฉบับนี้ ผ่านสภาตราเป็นกฎหมาย อาจเป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองแอบอ้างความจำเป็นในการพัฒนา การลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ขอกู้เงิน หากินและหาประโยชน์ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบ ซึ่งทางกลุ่มกรีน จะหาช่องทางในการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยการรณรงค์ตีแผ่เปิดโปง ให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริง และยื่นเรื่องให้หลายองค์กรร่วมเข้ามาตรวจสอบ เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า หาก พ.ร.บ. 2 ฉบับนี้ ผ่านสภาตราเป็นกฎหมาย อาจเป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองแอบอ้างความจำเป็นในการพัฒนา การลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ขอกู้เงิน หากินและหาประโยชน์ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจสอบ ซึ่งทางกลุ่มกรีน จะหาช่องทางในการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยการรณรงค์ตีแผ่เปิดโปง ให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริง และยื่นเรื่องให้หลายองค์กรร่วมเข้ามาตรวจสอบ เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.
