วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.4093/2553 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.เปล่งศรี ศรีพงษ์กุล อายุ 43 ปี พนักงานสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล น.ส.อัจฉรา ทองหุ้ม อายุ 40 ปี อาชีพค้าขาย และนายลือศักดิ์ ชมชาติ อายุ 40 ปี พนักงานสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างปลายปี 2545-25 ธ.ค.2551 จำเลยกับพวกที่ยังหลบหนี ร่วมกันหลอกลวงประชาชนว่า ได้รับโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวนหลายหมื่นเล่มจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กระทรวงการคลัง หากบุคคลใดมาร่วมลงทุนจำหน่ายสลากร่วมกับจำเลย จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุนในยอด 3,720 บาท จะได้รับผลตอบแทนครั้งละ 80-200 บาท ทุก 15 วัน คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.3-10.7 ต่อเดือน หรือร้อยละ 51.6-129 ต่อปี สูงกว่าอัตราดอกเบี้ย 6.5 ต่อปี ตามที่กฎหมายกำหนด
แนวทางนำสืบของโจทก์ระบุว่า การกระทำของพวกจำเลยล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น และมีลักษณะฉ้อโกงแบบแชร์ลูกโซ่ นานหลายปี เพราะความจริงแล้วพวกจำเลยไม่ได้รับโควตาจำหน่ายสลากแต่อย่างใด ทำให้มีผู้หลงเชื่อนำเงินมาลงทุนกับพวกจำเลย 33 ราย รวมเป็นเงินจำนวน 126,165,090 บาท จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันกระทำผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 83 และ พ.ร.ก.การกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4, 5 และ 12 เป็นความผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ ฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน อันเป็นบทหนักสุด จำนวน 282 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 1,410 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 20 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างปลายปี 2545-25 ธ.ค.2551 จำเลยกับพวกที่ยังหลบหนี ร่วมกันหลอกลวงประชาชนว่า ได้รับโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวนหลายหมื่นเล่มจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กระทรวงการคลัง หากบุคคลใดมาร่วมลงทุนจำหน่ายสลากร่วมกับจำเลย จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุนในยอด 3,720 บาท จะได้รับผลตอบแทนครั้งละ 80-200 บาท ทุก 15 วัน คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.3-10.7 ต่อเดือน หรือร้อยละ 51.6-129 ต่อปี สูงกว่าอัตราดอกเบี้ย 6.5 ต่อปี ตามที่กฎหมายกำหนด
แนวทางนำสืบของโจทก์ระบุว่า การกระทำของพวกจำเลยล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น และมีลักษณะฉ้อโกงแบบแชร์ลูกโซ่ นานหลายปี เพราะความจริงแล้วพวกจำเลยไม่ได้รับโควตาจำหน่ายสลากแต่อย่างใด ทำให้มีผู้หลงเชื่อนำเงินมาลงทุนกับพวกจำเลย 33 ราย รวมเป็นเงินจำนวน 126,165,090 บาท จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันกระทำผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 83 และ พ.ร.ก.การกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4, 5 และ 12 เป็นความผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ ฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน อันเป็นบทหนักสุด จำนวน 282 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 1,410 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกจำเลยทั้งสองไว้คนละ 20 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้อง
