การประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ ไซเตส ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ วันนี้ (6 มี.ค.) มีวาระหลักการพิเศษเรื่อง การค้างาช้าง โดยประเทศไทยจะเรียกร้องให้มีการป้องกันอย่างเข้มข้น ทั้งประเทศต้นทางและปลายทาง เพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องถูกกล่าวหาว่า เป็นศูนย์กลางการค้างาช้าง แต่นายเพชร มโนปวิตร ผู้จัดการฝ่ายงานอนุรักษ์ WWF ประเทศไทย ระบุว่า ข้อมูลอนุสัญญาไซเตสที่พบว่า ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศทางผ่านการค้างาช้างเท่านั้น เพราะประเทศไทยเองก็มีความต้องการใช้งาช้าง มีตลาดค้างาช้างที่แพร่หลาย แม้ก่อนหน้านี้ การประชุมไซเตส ครั้งที่ 13 ที่ประชุมจะมีมติให้ทุกประเทศมีกฎหมายควบคุม แต่ยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม เนื่องจากกฎหมายยังมีช่องโหว่
ทั้งนี้ จากคำประกาศของนายกรัฐมนตรีในพิธีเปิดการประชุม ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศไทยจะเอาจริงเอาจังแก้ไขกฎหมาย เพื่อยุติการค้างาช้างอย่างสิ้นเชิงให้ได้ ดังนั้น ต้องจับตาเรื่องกรอบเวลา และปฏิบัติได้ตามประกาศคำมั่นสัญญา เพราะหากทำไม่ได้อาจมีปัญหาตามมา เหมือนที่ไทยเคยถูกระงับทางการค้ามาแล้ว เมื่อปลายปี 2534 จากอนุสัญญาไซเตส ที่ไม่สามารถจัดการกับการคุ้มครองเสือโคร่งได้
ทั้งนี้ จากคำประกาศของนายกรัฐมนตรีในพิธีเปิดการประชุม ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศไทยจะเอาจริงเอาจังแก้ไขกฎหมาย เพื่อยุติการค้างาช้างอย่างสิ้นเชิงให้ได้ ดังนั้น ต้องจับตาเรื่องกรอบเวลา และปฏิบัติได้ตามประกาศคำมั่นสัญญา เพราะหากทำไม่ได้อาจมีปัญหาตามมา เหมือนที่ไทยเคยถูกระงับทางการค้ามาแล้ว เมื่อปลายปี 2534 จากอนุสัญญาไซเตส ที่ไม่สามารถจัดการกับการคุ้มครองเสือโคร่งได้