ภายหลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดหลายจุดในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เป็นเหตุให้มีอาสาสมัครรักษาดินแดนเสียชีวิต 3 นาย ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 9 คน ขณะที่ห้างร้าน สถานที่ต่างๆ ที่ถูกลอบวางระเบิดเพลิงเสียหายหลายแห่ง โดยเหตุเกิดตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา ส่งผลให้หน่วยงานความมั่นคงระดมกำลังออกติดตามกลุ่มคนร้าย และติดตามหาข่าวความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปัตตานี ได้เรียกประชุมหัวหน้าหน่วย และชุดสืบสวนสอบสวน ทั้งส่วนของภูธรจังหวัด และ สภ.เมือง กว่า 30 นาย ร่วมประชุมสรุปสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความคืบหน้าการติดตามคนร้าย และการสืบพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล ซึ่งล่าสุดได้สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก
ขณะที่พยานวัตถุนั้น พบว่าถังแก๊สสีแดงที่คนร้ายนำมาประกอบเป็นระเบิด น้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม วางไว้ในรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง แล้วจอดในซอยเอสโซ่นั้น เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ไว้ได้ พบว่าเป็นถังแก๊สลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ถูกแจ้งหายไว้ตั้งแต่ปี 2552 และป้ายทะเบียนถูกแจ้งหายเมื่อปี 2551
ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพคนร้ายได้ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งภาพดังกล่าวให้ผู้เชี่ยวชาญนำไปขยายผลด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ให้ได้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้น เพื่อทำการตรวจสอบและขยายผลต่อไป
นอกจากนี้ ความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดบริเวณหอนาฬิกาเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เมื่อวานนี้ ขณะนี้อาสาสมัครอิทธิพล อาแซ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย รวมอาสาสมัครเสียชีวิต 3 นาย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บรายอื่นๆ อาการปลอดภัยแล้ว ซึ่งชุดสืบสวนสอบสวนระบุว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และการสอบพยานในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบเบาะแสของคนร้ายแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ต้องรอผลการตรวจจากพยานวัตถุ และจากการขยายผลการสืบสวนสอบสวน โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งคลี่คลายคดีให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปัตตานี ได้เรียกประชุมหัวหน้าหน่วย และชุดสืบสวนสอบสวน ทั้งส่วนของภูธรจังหวัด และ สภ.เมือง กว่า 30 นาย ร่วมประชุมสรุปสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความคืบหน้าการติดตามคนร้าย และการสืบพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล ซึ่งล่าสุดได้สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก
ขณะที่พยานวัตถุนั้น พบว่าถังแก๊สสีแดงที่คนร้ายนำมาประกอบเป็นระเบิด น้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม วางไว้ในรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง แล้วจอดในซอยเอสโซ่นั้น เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ไว้ได้ พบว่าเป็นถังแก๊สลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ถูกแจ้งหายไว้ตั้งแต่ปี 2552 และป้ายทะเบียนถูกแจ้งหายเมื่อปี 2551
ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพคนร้ายได้ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งภาพดังกล่าวให้ผู้เชี่ยวชาญนำไปขยายผลด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ให้ได้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้น เพื่อทำการตรวจสอบและขยายผลต่อไป
นอกจากนี้ ความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดบริเวณหอนาฬิกาเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เมื่อวานนี้ ขณะนี้อาสาสมัครอิทธิพล อาแซ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย รวมอาสาสมัครเสียชีวิต 3 นาย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บรายอื่นๆ อาการปลอดภัยแล้ว ซึ่งชุดสืบสวนสอบสวนระบุว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และการสอบพยานในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบเบาะแสของคนร้ายแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ต้องรอผลการตรวจจากพยานวัตถุ และจากการขยายผลการสืบสวนสอบสวน โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งคลี่คลายคดีให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน