คณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร โดยมี พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ เป็นประธานการประชุมพิจารณาปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้เชิญกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และสำนักงบประมาณ มาชี้แจง
นายพรชาต บุนนาค ที่ปรึกษา สมช.กล่าวว่า โครงการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีรองนายกรัฐมนตรี 2 คน และรัฐมนตรีอีก 10 คน ร่วมเป็นคณะกรรมการ ซึ่งมีหน้าที่บูรณาการการทำงานของ กอ.รมน.เพื่อสร้างความเป็นระบบ และเพิ่มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ กอ.รมน. ได้ร่วมกันพิจารณาเบิกจ่ายงบประมาณ จึงทำให้การใช้จ่ายในภาคใต้ แก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างมีระบบมากขึ้น
ขณะที่ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ กล่าวว่า งบประมาณที่ใช้ในเรื่องของการข่าวใช้ไปอย่างไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไร จึงอยากให้มีการทบทวนปรับเปลี่ยนบุคลากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการข่าว โดยมีการคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีความชำนาญเข้ามารับหน้าที่แทน
ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน คณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องกลับมาหารือกันใหม่ว่า จะทำอย่างไรให้งบประมาณที่จัดสรรลงไปนั้น มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด และมองว่าวันนี้งบประมาณด้านการข่าวนั้น ยังคงมีความซับซ้อน อยากให้มีการปรับ เพื่อที่จะป้องกันปัญหานี้
นายพรชาต บุนนาค ที่ปรึกษา สมช.กล่าวว่า โครงการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีรองนายกรัฐมนตรี 2 คน และรัฐมนตรีอีก 10 คน ร่วมเป็นคณะกรรมการ ซึ่งมีหน้าที่บูรณาการการทำงานของ กอ.รมน.เพื่อสร้างความเป็นระบบ และเพิ่มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ กอ.รมน. ได้ร่วมกันพิจารณาเบิกจ่ายงบประมาณ จึงทำให้การใช้จ่ายในภาคใต้ แก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างมีระบบมากขึ้น
ขณะที่ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ กล่าวว่า งบประมาณที่ใช้ในเรื่องของการข่าวใช้ไปอย่างไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไร จึงอยากให้มีการทบทวนปรับเปลี่ยนบุคลากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการข่าว โดยมีการคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีความชำนาญเข้ามารับหน้าที่แทน
ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน คณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงต้องกลับมาหารือกันใหม่ว่า จะทำอย่างไรให้งบประมาณที่จัดสรรลงไปนั้น มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด และมองว่าวันนี้งบประมาณด้านการข่าวนั้น ยังคงมีความซับซ้อน อยากให้มีการปรับ เพื่อที่จะป้องกันปัญหานี้
