นายวีระ ยี่แพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการหาเสียงของผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่า ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของผู้สมัครแต่ละคนต้องไม่เกิน 49 ล้านบาท โดยคำนวณจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ค่าโฆษณา ค่าจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ ค่าเอกสารสิ่งพิมพ์ แรงงาน ค่าเช่ายานพาหนะ ทั้งที่เป็นค่าใช้จ่ายโดยตรงของผู้สมัคร หรือบุคคลอื่นจ่ายแทน
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดชนิดของประกาศและป้ายต่างๆ โดยประกาศ หรือโปสเตอร์ ต้องมีขนาดไม่เกิน 30x42 เซนติเมตร จัดทำได้ไม่เกิน 15 เท่าของหน่วยเลือกตั้ง ขณะที่ป้ายหาเสียง หรือคัตเอาต์ ต้องมีขนาดไม่เกิน 130x245 เซนติเมตร จัดทำได้ไม่เกิน 5 เท่าของหน่วยเลือกตั้ง และต้องมีการระบุผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต วัน-เวลาที่จัดทำอย่างชัดเจน ส่วนบัตรเล็ก หรือแผ่นพับ ไม่นับรวมกรณีนี้ แต่รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ฝากให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีความโปร่งใส ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง นอกจากนี้ ผู้สมัครต้องรณรงค์หาเสียงตามที่กฎหมายกำหนด เพราะหากมีการกระทำผิด อาจต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งจะสร้างความเบื่อหน่ายแก่ประชาชน รวมถึงต้องเสียงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งถึง 160 ล้านบาท
ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ยังกล่าวถึงพื้นที่ที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียง หรือปราศรัยกับประชาชน ว่า ผู้สมัครสามารถยื่นขอต่อกรุงเทพมหานครได้ โดยมีการกำหนดไว้ 15 จุด เช่น บริเวณลานคนเมือง สวนจตุจักร สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สวนลุมพินี บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ สวนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยประชาชนติดตามการหาเสียงพื้นที่ต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานคร หรือจากช่องทางสื่อต่างๆ
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดชนิดของประกาศและป้ายต่างๆ โดยประกาศ หรือโปสเตอร์ ต้องมีขนาดไม่เกิน 30x42 เซนติเมตร จัดทำได้ไม่เกิน 15 เท่าของหน่วยเลือกตั้ง ขณะที่ป้ายหาเสียง หรือคัตเอาต์ ต้องมีขนาดไม่เกิน 130x245 เซนติเมตร จัดทำได้ไม่เกิน 5 เท่าของหน่วยเลือกตั้ง และต้องมีการระบุผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต วัน-เวลาที่จัดทำอย่างชัดเจน ส่วนบัตรเล็ก หรือแผ่นพับ ไม่นับรวมกรณีนี้ แต่รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ฝากให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีความโปร่งใส ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง นอกจากนี้ ผู้สมัครต้องรณรงค์หาเสียงตามที่กฎหมายกำหนด เพราะหากมีการกระทำผิด อาจต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งจะสร้างความเบื่อหน่ายแก่ประชาชน รวมถึงต้องเสียงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งถึง 160 ล้านบาท
ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ยังกล่าวถึงพื้นที่ที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียง หรือปราศรัยกับประชาชน ว่า ผู้สมัครสามารถยื่นขอต่อกรุงเทพมหานครได้ โดยมีการกำหนดไว้ 15 จุด เช่น บริเวณลานคนเมือง สวนจตุจักร สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สวนลุมพินี บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ สวนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยประชาชนติดตามการหาเสียงพื้นที่ต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานคร หรือจากช่องทางสื่อต่างๆ
