ชาวบ้านใน อ.พระทองคำ และ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการทำนาเกลือและบ่อกุ้งของนายทุนในพื้นที่กว่า 30 แห่ง ลักลอบปล่อยน้ำเค็มลงตามคูคลองธรรมชาติ ทำให้พื้นที่การเกษตรของชาวบ้านได้รับความเสียหายแล้วกว่า 16,000 ไร่ และกรรมาธิการ วุฒิสภา ลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ด้านนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 2 ชุด เพื่อแก้ปัญหา โดยชุดแรกจะดำเนินการตรวจสอบโรงเกลือและบ่อกุ้งที่มีอยู่กว่า 30 แห่ง ว่ามีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ ส่วนอีกชุดหนึ่ง จะดูแลการเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเงินชดเชยที่ดินทำกินกว่า 10,000 ไร่ ที่ปัจจุบันไม่สามารถทำกินได้
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ระบุว่า เบื้องต้นจะใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง 45 วัน ซึ่งหากพบว่าโรงเกลือไม่มีใบอนุญาต ก็จะสั่งปิดทันที ส่วนกรณีที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต้องให้มีการปรับปรุงเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ จะสำรวจความเสียหายเพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณเพื่อเยียวยาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากกรณีดังกล่าวไม่เข้าหลักเกณฑ์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะไม่ได้เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ด้านนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 2 ชุด เพื่อแก้ปัญหา โดยชุดแรกจะดำเนินการตรวจสอบโรงเกลือและบ่อกุ้งที่มีอยู่กว่า 30 แห่ง ว่ามีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ ส่วนอีกชุดหนึ่ง จะดูแลการเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเงินชดเชยที่ดินทำกินกว่า 10,000 ไร่ ที่ปัจจุบันไม่สามารถทำกินได้
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ระบุว่า เบื้องต้นจะใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง 45 วัน ซึ่งหากพบว่าโรงเกลือไม่มีใบอนุญาต ก็จะสั่งปิดทันที ส่วนกรณีที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต้องให้มีการปรับปรุงเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ จะสำรวจความเสียหายเพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณเพื่อเยียวยาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากกรณีดังกล่าวไม่เข้าหลักเกณฑ์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะไม่ได้เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ