นายลีเมียง บัก ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เรียกประชุมฉุกเฉินด้านความมั่นคงที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซลเช้าวันนี้ โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงรวมชาติ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม หัวหน้าหน่วยข่าวกรอง และที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ร่วมประชุม
แถลงการณ์ของนายลี เตือนเกาหลีเหนือว่า หากเกาหลีเหนือเดินหน้าทดลองนิวเคลียร์ จะต้องเผชิญกับผลร้ายแรงตามมา และเรียกร้องเกาหลีเหนือให้ยุติแถลงการณ์ และการกระทำยั่วยุทั้งหมดโดยทันที พร้อมทั้งปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ รวมถึงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือขู่ว่าจะทดลองนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 3 หากเกาหลีใต้ร่วมกับสหประชาชาชาติขยายการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ หลังจากเกาหลีเหนือยิงจรวดติดดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเป็นภารกิจด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศเท่านั้น แต่นานาชาติไม่เชื่อ และรุมประณามเกาหลีเหนือ เพราะเกรงว่าเกาหลีเหนืออาจพัฒนาเทคโนโลยีจรวดพิสัยไกลให้กลายเป็นอาวุธนิวเคลียร์ได้
ขณะที่เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการยิงจรวดส่งดาวเทียม เข้าสู่วงโคจรในอวกาศเมื่อวานนี้ (30 ม.ค.) ซึ่งเป็นการส่งจรวดติดดาวเทียมจากดินแดนของเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก หลังจากล้มเหลวมาแล้วสองครั้ง เมื่อปี 2552 และ 2553 ซึ่งต้องยกเลิกการส่งจรวดในนาทีสุดท้าย เพราะปัญหาขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งเกาหลีใต้จะเดินหน้าพัฒนาโครงการปล่อยยานอวกาศต่อไป ซึ่งคาดว่าจะส่งยานอวกาศโดยใช้เทคโนโลยีของเกาหลีใต้ได้ภายในปี 2563
ด้านนางวิกตอเรีย นูแลนด์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงถึงการปล่อยจรวดส่งดาวเทียมของเกาหลีใต้ว่าเกาหลีเหนือไม่ควรมองว่า เป็นการคุกคาม เพราะเกาหลีใต้ดำเนินการอย่างโปร่งใสภายใต้ข้อตกลงของนานาชาติ เหมือนกับประเทศอื่นๆ ในโลก และไม่มีจุดประสงค์ทางการทหารต่างจากเกาหลีเหนือที่ทดลองปล่อยจรวดโดยขัดต่อมติของยูเอ็นเอสซี
แถลงการณ์ของนายลี เตือนเกาหลีเหนือว่า หากเกาหลีเหนือเดินหน้าทดลองนิวเคลียร์ จะต้องเผชิญกับผลร้ายแรงตามมา และเรียกร้องเกาหลีเหนือให้ยุติแถลงการณ์ และการกระทำยั่วยุทั้งหมดโดยทันที พร้อมทั้งปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ รวมถึงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือขู่ว่าจะทดลองนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 3 หากเกาหลีใต้ร่วมกับสหประชาชาชาติขยายการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ หลังจากเกาหลีเหนือยิงจรวดติดดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเป็นภารกิจด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศเท่านั้น แต่นานาชาติไม่เชื่อ และรุมประณามเกาหลีเหนือ เพราะเกรงว่าเกาหลีเหนืออาจพัฒนาเทคโนโลยีจรวดพิสัยไกลให้กลายเป็นอาวุธนิวเคลียร์ได้
ขณะที่เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการยิงจรวดส่งดาวเทียม เข้าสู่วงโคจรในอวกาศเมื่อวานนี้ (30 ม.ค.) ซึ่งเป็นการส่งจรวดติดดาวเทียมจากดินแดนของเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก หลังจากล้มเหลวมาแล้วสองครั้ง เมื่อปี 2552 และ 2553 ซึ่งต้องยกเลิกการส่งจรวดในนาทีสุดท้าย เพราะปัญหาขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งเกาหลีใต้จะเดินหน้าพัฒนาโครงการปล่อยยานอวกาศต่อไป ซึ่งคาดว่าจะส่งยานอวกาศโดยใช้เทคโนโลยีของเกาหลีใต้ได้ภายในปี 2563
ด้านนางวิกตอเรีย นูแลนด์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงถึงการปล่อยจรวดส่งดาวเทียมของเกาหลีใต้ว่าเกาหลีเหนือไม่ควรมองว่า เป็นการคุกคาม เพราะเกาหลีใต้ดำเนินการอย่างโปร่งใสภายใต้ข้อตกลงของนานาชาติ เหมือนกับประเทศอื่นๆ ในโลก และไม่มีจุดประสงค์ทางการทหารต่างจากเกาหลีเหนือที่ทดลองปล่อยจรวดโดยขัดต่อมติของยูเอ็นเอสซี
