นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงโครงการการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. จำนวน 3,183 คัน วงเงินงบประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท ว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะการบริหารหนี้ของ ขสมก.กว่า 6 หมื่นล้านบาท ที่สะสมมายาวนานกว่า 20 ปี จึงให้กระทรวงคมนาคมกลับไปหารือกับกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ในการจัดทำแผนการบริหารจัดการหนี้ของ ขสมก.ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนพิจารณาการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี เพราะการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จะเป็นวิธีลดค่าใช้จ่ายให้ ขสมก. รวมถึงการขยายสถานีบริการเอ็นจีวีเพิ่มเติม ในการรองรับรถเมล์เอ็นจีวีที่จะออกมาในอนาคต ซึ่งอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการตามมติคณะกรรมการ กำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว
ที่สำคัญการแก้ปัญหาหนี้ของ ขสมก. ต้องไม่มีการก่อหนี้เพิ่มอีก โดยวิธีหนึ่งในการบริหารหนี้ ต้องหารายได้เพิ่มเติมและดึงประชาชนหันมาใช้บริการรถเมล์ให้มากขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องหาแนวทางอื่นมาชดเชย ซึ่งจะไม่มีการปรับค่าโดยสารขึ้น เพราะไม่เพียงพอกับการจ่ายหนี้คืนได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงการคลังมีการจ่ายดอกเบี้ยหนี้ จำนวนกว่า 6 หมื่นล้านบาท อยู่ที่ร้อยละ 4 หรือประมาณ 2,400 ล้านบาทต่อปี
ที่สำคัญการแก้ปัญหาหนี้ของ ขสมก. ต้องไม่มีการก่อหนี้เพิ่มอีก โดยวิธีหนึ่งในการบริหารหนี้ ต้องหารายได้เพิ่มเติมและดึงประชาชนหันมาใช้บริการรถเมล์ให้มากขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องหาแนวทางอื่นมาชดเชย ซึ่งจะไม่มีการปรับค่าโดยสารขึ้น เพราะไม่เพียงพอกับการจ่ายหนี้คืนได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงการคลังมีการจ่ายดอกเบี้ยหนี้ จำนวนกว่า 6 หมื่นล้านบาท อยู่ที่ร้อยละ 4 หรือประมาณ 2,400 ล้านบาทต่อปี